บิ๊กไบค์เมาปลิ้น ขี่มาด่าตำรวจ โดนจับไม่สลด อัพรูปในห้องขัง

เพจ Thailand Police Story มีการแชร์คลิปวิดีโอ ซึ่งถ่ายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จับภาพชายคนหนึ่งขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ติดไฟแดงอยู่บริเวณแยกศาลาแดง มีหญิงสาวซ้อนท้ายอยู่ ทั้งคู่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปอยู่นั้น ชายขี่บิ๊กไบค์ได้เบิ้ลเครื่องเสียงดังสนั่น ก่อนจะหันมาชูนิ้วกลางใส่ตำรวจ จากนั้นก็เดินลงจากรถ เข้ามาในป้อม มีการพูดจาท้าทาย ให้ตำรวจปรับตนได้เลย ตนไม่กลัว มีเงินจ่าย ตำรวจก็บอกว่าให้รอก่อน เจ้าหน้าที่ร้อยเวรกำลังมา แล้วจะต้องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ด้วย เพราะชายคนดังกล่าวน่าจะอยู่ในอาการเมามาย

ชายคนดังกล่าวยังนั่งอยู่ในป้อม ก่อนจะกดโทรศัพท์ คุยกับ “พี่” บอกกับปลายสายว่า ถูกตำรวจจับ เพราะเมา ให้พี่รีบมาช่วยเคลียร์ โดยระหว่างที่อยู่ในป้อม ชายคนนี้ยังคงชูนิ้วหยาบคาย พร้อมด่าทอเจ้าหน้าที่อีกหลายครั้ง

ภายหลัง ตำรวจที่ประจำอยู่ที่ป้อมให้ข้อมูลว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (29 พ.ย.) พนักงานสอบสวนได้มาควบคุมตัวชายคนนี้ ทราบชื่อภายหลังคือ นายเมฆินทร์ อายุวัฒนมงคล อายุ 34 ปี ไปทำการดำเนินคดีต่อที่โรงพัก หลังตรวจวัดแอลกอฮอล์ พบว่าปริมาณสูงถึง 213 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงได้แจ้งข้อหาเมาแล้วขับ แล้วควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังในโรงพัก ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะขอประกันตัวออกไปในช่วงสาย ด้วยวงเงิน 1 หมื่นบาท

Advertisement

ต่อมา ช่วง 21.00 น. พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้เรียกตัวนายเมฆินทร์ มาที่โรงพักอีกครั้ง หลังได้เห็นคลิปที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่เรียกมาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เนื่องจากในช่วงเช้า พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาไปแค่ เมาแล้วขับ ส่วนความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดาบตำรวจคู่กรณีบอกว่าไม่ติดใจเอาความ แต่ผู้กำกับระบุว่า เป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้ สุดท้ายเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานายเมฆินทร์ไปทั้งหมด 3 ข้อหาคือ 1.ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย 2.เมาแล้วขับ 3.ดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งยังขอตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ซึ่งนายเมฆินทร์ก็ยินดีให้ทำการตรวจทุกกรณี

หลังเสร็จสิ้นการสอบสวนในช่วงดึก นายเมฆินทร์เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ยอมรับผิดทุกกรณี และไม่ต้องการแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ยอมรับว่าที่ทำไปเพราะเมา และขาดสติ หลังเกิดเรื่องก็มีญาติ มีเพื่อน โทรมาต่อว่าตนเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนก็อยากจะขอโทษทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอโทษต่อสังคม กับสิ่งที่ทำลงไป เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนสำคัญ ที่ตนจะต้องนำไปปรับปรุงตัว ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

ส่วนกรณีที่มีชาวเน็ตข้อสังเกตว่า ตนโทรหาคนที่เรียกว่า “พี่” ให้มาช่วยตอนโดนจับนั้น จริงๆแล้วเป็นพี่ที่สนิทกัน ไม่ใช่คนใหญ่โต มีอิทธิพลใดๆทั้งสิ้น หลังจากนี้ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image