สมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯ (BFS) ปลุกสีสันรับลมร้อนฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2018

สมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯ’ (BFS) ปลุกสีสันรับลมร้อนฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ผนึกพลังอวดโฉมสุดยอดผลงานดีไซน์ของ 10 แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของไทยในบรรยากาศของการจัดนิทรรศการแฟชั่น อินสตอลเลชั่น (Fashion Installation) สุดสร้างสรรค์

มีนัดกันทุกปีกับ สมาคมแฟชั่นดีไซน์เนอร์กรุงเทพหรือ Bangkok Fashion Society (BFS) ที่เกิดจากความร่วมมือของเหล่าสมาชิกแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของไทย ที่มีอุดมการณ์ด้านความคิดสร้างสรรค์และวิถีการทำงานร่วมกัน ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 8 แล้ว ที่เหล่าดีไซน์เนอร์ยังคงร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพประดับวงการแฟชั่นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) จัดแฟชั่นโชว์อวดโฉมเสื้อผ้าคอลเลกชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ในบรรยากาศของการสร้างสรรค์นิทรรศการศิลปะในแบบ แฟชั่น อินสตอลเลชั่น (Fashion Installation) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองกรุงเทพฯ นำเสนอผ่านมุมมองและแนวคิดที่ผสานอัตลักษณ์ของแต่ละแบรนด์เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ พร้อมอวดโฉมให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้ร่วมชมกันอย่างใกล้ชิด เมื่อบ่ายวันก่อนที่บริเวณไปรษณีย์กลางบางรัก

 

Advertisement

จากความร่วมมือของเหล่าดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์แถวหน้า อาทิ พลพัฒน์ อัศวะประภา จากแบรนด์        ‘อาซาว่า (ASAVA) และ เอ เอส วี (ASV), บดินทร์ อภิมาน, วราภรณ์ เหมรัตน, สุธิดา วีรังคบุตร จากแบรนด์ เกรฮาวด์ ออริจินอล (GREYHOUND ORIGINAL), ภูภวิศ กฤตพลนารา จากแบรนด์ อิชชู่ (ISSUE),  มลลิกา เรืองกฤตยา,  ณัฎฐ์ มั่งคั่ง จากแบรนด์ คลอเส็ท’ (Kloset), มิลิน ยุวจรัสกุล จากแบรนด์ มิลิน’ (MILIN), อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์  จากแบรนด์ วิคธีร์รัฐ’ (VICKTEERUT), ปฏิญญา เกี่ยวข้อง จากแบรนด์ ปฏิญญา(PATINYA), สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์      จากแบรนด์ ‘เพนคิลเลอร์’ (Painkiller) และ ธนาวุฒิ ธนสารวิมล จากแบรนด์ ที แอนด์ ที (T AND T)

พลพัฒน์ อัศวะประภา ในฐานะนายกสมาคมแฟชั่นดีไซน์เนอร์กรุงเทพ กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ รวมถึงคอนเซ็ปต์การออกแบบเสื้อผ้าของแต่ละแบรนด์ว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทางสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)  จัดงานนี้ขึ้นและเป็นปีแรกที่ทางเราไม่ได้นำเสนอเทรนด์ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เพราะในปัจจุบันเรื่องของเทรนด์เป็นสิ่งที่มาเร็วไปเร็ว ความเป็นปัจเจกบุคคลหรือสไตล์ส่วนตัวนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหา เพราะฉะนั้นในปีนี้จึงเป็นการนำเสนอภาพรวมของคุณภาพของแบรนด์ไทยมากกว่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการนำเสนอคอลเลกชั่นประจำฤดูร้อนในรูปแบบแฟชั่นโชว์ของแต่ละแบรนด์แล้ว งานครั้งนี้เรายังจัดเป็นนิทรรศการศิลปะแฟชั่น อินสตอลเลชั่น เพื่อเปิดให้คนนอกได้เข้าชมได้อีกด้วย สืบเนื่องมากจากวัตถุประสงค์ที่ทางสมาคมฯ ต้องการสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนไทยได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวและฝีมือการทำงานของเหล่าดีไซน์เนอร์ ที่ทุกคนล้วนต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่นไทยก้าวสู่ระดับสากล เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้สังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยภาพรวมของเทรนด์ปีนี้เราได้เปิดโอกาสให้แต่ละแบรนด์ได้นำเสนออัตลักษณ์ของตนเองผ่านการออกแบบเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งนอกจากจะต้องสะท้อนความเป็นไทยแล้ว ยังต้องมีความเป็นสากลผสมผสานอยู่ด้วยเพื่อสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งผู้บริโภคชาวไทยและผู้บริโภคในระดับสากล’

Advertisement

โดยผลงานการออกแบบเสื้อผ้าของเหล่าดีไซน์เนอร์ไทยชั้นนำในปีนี้ แต่ละแบรนด์ได้หยิบยกเอาอัตลักษณ์ของตนเองมาผสมผสานเข้ากับไอเดียการทำชุดที่สดใหม่ ถ่ายทอดเป็นเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนได้ทุกรูปแบบ เริ่มจาก อาซาว่า (ASAVA) ในชื่อคอลเลกชั่น ซับลิมินอล (Subliminal) ภายใต้คอนเซ็ปต์การทำเสื้อผ้าแฟชั่นที่อยู่ในกระแสรอง จากการถ่ายทอดกระบวนการคิดและจิตวิญญาณที่อยู่ภายในตัวตนของผู้หญิง นำเสนอผ่านดีเอ็นเอและปรัชญาของแบรนด์ที่สะท้อนถึงค่านิยมและตัวตนของผู้สวมใส่ได้อย่างลงตัว, เอ เอส วี (ASV) กับคอลเลกชั่น แอลเอเอ็กซ์, เลิฟ ออล เอ็กซ์ เอ็กซ์ (“LAX, Love All XX) แรงบันดาลใจจากความสนุกสนานของเมืองลอสแอนเจลิสในช่วงฤดูร้อนได้ถูกหยิบยกขึ้นมาผสมผสานเข้ากับความเป็นสาวสังคมในสไตล์ของเอเอสวีที่มีแอทติจูดและบุคลิกเฉพาะตน ซึ่งส่วนผสมที่มีความแตกต่างกันนี้ได้ถูกนำมาถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้าคอลเลกชั่นนี้ได้อย่างลงตัว,

 

เกรฮาวด์ ออริจินอล (GREYHOUND ORIGINAL) มาในชื่อคอลเลกชั่น อันออฟฟิเชียล (Unofficial) นำเสนอเสื้อผ้าที่บอกเล่าถึงไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนยุคใหม่ที่นิยมการเลือกใส่เสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้ในหลายโอกาส ในดีไซน์ที่มีความทันสมัย สนุก และผสมผสานความเป็นสตรีทลงไปในการตัดเย็บคุณภาพดี, อิชชู่ (ISSUE) มาในคอลเลกชั่น ดิ อินวิสิเบิล (The Invisible) จากการผสมผสานวัฒนธรรมความเป็นอยู่ระหว่างทวีปเอเชียตะวันออกและทวีปตะวันตก สะท้อนผ่านลวดลาย สีสัน และโครงเสื้อที่มีกลิ่นอายของยุค 70s แฝงอยู่ ถ่ายทอดเป็นเสื้อผ้าสไตล์โรแมนติคและโบฮีเมียนตามเอกลักษณ์เด่นของแบรนด์, คลอเส็ท (Kloset) ที่ยังคงโดดเด่นด้านลายพิมพ์และงานปักซึ่งในคอลเลกชั่นนี้ได้ใช้ชื่อว่า อะ บิวตี้ฟูล มายด์ (A Beautiful Mind) จากผลงานศิลปะของนาโอมิ โอคุโบะ ศิลปินชาวญี่ปุ่น ที่ชิ้นงานมีความโดดเด่นอยู่ที่ลายเพ้นท์ที่คอนทราสต์กันอย่างน่าสนใจ ได้ถูกนำมาตีความใหม่ และถ่ายทอดผ่านทางลายพิมพ์ดอกไม้ ลายกราฟฟิค รวมไปถึงลวดลายคลาสสิคมากมายที่ทางแบรนด์ได้นำมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นลายพิมพ์เด่นประจำคอลเลกชั่นนี้,

มิลิน (MILIN) ในคอลเลกชั่น มิลิน ลิมิเต็ด (Milin Limited) นำเสนอเรื่องราวของสาวออฟฟิศย่านใจกลางเมืองที่ต้องการแปลงโฉมตัวเองด้วยเสื้อผ้าตัวเก๋เพื่อพิชิตใจบอสหนุ่มรูปหล่อผู้เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทุกคน โดยทางแบรนด์ได้ออกแบบเสื้อผ้าที่เน้นการใช้เทคนิคและแมททีเรียลที่หลากหลายเพื่อเนรมิตชุดที่สวยงามทุกมุมมองตามแบบฉบับของสาวมิลิน, วิคธีร์รัฐ (VICKTEERUT) ที่มาในคอลเลกชั่น ซัมเมอร์ แอนด์ ออเธอร์ สตอรี่ (Summer and Other Stories) นำเสนอเรื่องราวในฤดูร้อนผ่านการใช้ชีวิตบนชายหาดท่ามกลางแสงแดดส่องประกาย ที่ชวนให้นึกถึงหญิงสาวเจ้าเสน่ห์ แรงบันดาลใจดังกล่าวได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันในดีไซน์ที่มีความทันสมัยและแฝงความหรูหราน่าค้นหาไว้ได้อย่างน่าสนใจ,

ปฏิญญา (PATINYA) ในคอลเลกชั่น เว็น อีส มีท เวสท์ (When East Meets West) กับการบรรจบกันของความงดงามจากสองวัฒนธรรม โดยได้แรงบันดาลใจหลักจากโครงเสื้อชุดไทยสมัยนิยม ที่ถูกนำมาประยุกต์และรังสรรค์ขึ้นใหม่ให้ดูร่วมสมัยและสวมใส่ง่ายมากยิ่งขึ้น บนซิลลูเอทที่ผสานความเซ็กซี่เอาไว้ได้อย่างเหนือระดับ, เพนคิลเลอร์ (Painkiller) ที่มาในคอลเลกชั่นชื่อว่า เดอะ มิสทิคอล คริสตัล ไอซ์แลนด์ (The Mystical Crystal Island) นำเสนอแรงบันดาลใจจากความงดงามของเกาะแก้วพิสดารสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของทีมดีไซน์เนอร์ ได้ถูกถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้าที่มีจุดเด่นอยู่ที่ลวดลายพิมพ์เหนือจินตนาการ ที่พร้อมพาเหล่าชายหนุ่มไปพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนนี้ได้อย่างน่าจดจำ

และปิดท้ายที่แบรนด์ ที แอนด์ ที (T AND T) ในคอลเลกชั่นที่มีชื่อว่า เดอะ เวอร์จิ้น ครูซซิ่ง (The Virgin Cruising) กับจุดหมายปลายทางการพักร้อนที่ทางแบรนด์ได้พาสาวๆ ออกผจญภัยล่องเรือครูสซ์ไปยังเกาะคาปรี เกาะในฝันแห่งประเทศอิตาลีที่เต็มไปด้วยความหรูหราความงดงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ซึ่งแรงบันดาลใจดังกล่าวได้ถูกนำมาถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอายของความเป็นอิตาลีพื้นเมืองผสานความสนุกสนานจากดีเอ็นเอของแบรนด์ได้อย่างลงตัว

ด้าน มลลิกา เรืองกฤตยา ดีไซน์เนอร์จากแบรนด์ คลอเส็ท’ (Kloset) ได้แนะนำถึงเทคนิคการแต่งตัวของหญิงสาวประจำฤดูกาลนี้ว่า ‘กลิ่นอายของสตรีทยังคงมีอยู่ในซีซั่นนี้ แต่ผู้หญิงจะสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมทช์กันมากขึ้น การเลือกหยิบชิ้นที่มีความคอนทราสต์มาใส่ด้วยกันจะสามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสร้างเสน่ห์ให้กับหญิงสาวได้อย่างดี อย่างเช่น เราอาจจะแมทช์เสื้อผ้าแนวสตรีทเข้ากับชิ้นที่มีความเป็นเฟมินีน เป็นเสื้อชีฟองระบายรัฟเฟิลแบบบ่าเดียว ใส่คู่กับกางเกงวอร์ม ส่วนรองเท้าจะเป็นสนีกเกอร์หรือส้นสูงก็ได้ตามความเหมาะสม แล้วก็ถือกระเป๋าหรูๆ สักใบ หรือถ้าใครยังไม่มั่นใจกับการใส่ชิ้นที่คอนทราสต์กันมากเกินไป ก็อาจจะเริ่มด้วยเดรสสวยๆ แล้วใส่กับสนีกเกอร์หรือหมวกแก๊ปก็ได้ ค่อยๆ ปรับไปทีละนิด แล้วเราจะเริ่มสนุกกับแฟชั่นมากขึ้น’

และสำหรับเทรนด์การแต่งตัวของผู้ชาย สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์ จากแบรนด์ ‘เพนคิลเลอร์’ (Painkiller) ได้แนะนำว่า ‘ในซีซั่นนี้เทรนด์การแต่งตัวของผู้ชายจะเป็นแนวสตรีทแคชชวล และซิลลูเอทของเสื้อผ้าก็จะมีความหลวมขึ้น ใส่สบายขึ้น ถ้าพูดถึงชิ้นเด่นประจำฤดูร้อนเสื้อฮาวายยังคงเป็นไอเท็มที่ได้รับความนิยม แต่อาจจะปรับเปลี่ยนเนื้อผ้าให้มีความหลากหลายขึ้น ส่วนการมิกซ์แอนด์แมทช์ที่จะช่วยสร้างความโดดเด่นให้ผู้ชายนั้น ก็คือการเลือกชิ้นที่มีเท็กซ์เจอร์ต่างกันมาใส่ในลุคเดียวกัน อย่างเช่นชิ้นบนอาจจะเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นใส่กับกางเกงวอร์ม หรือไม่ก็เป็นเสื้อยืดเรียบๆ แมทช์กับกางเกงที่มีดีเทลพิเศษหน่อย อาจจะเป็นลายพิมพ์เก๋ๆ หรือการใช้เทคนิคตัดเย็บแบบจับจีบ จับวอลลุ่ม ให้ดูเด่นขึ้น

โดยการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะ แฟชั่น อินสตอลเลชั่น (Fashion Installation) นี้สามารถเข้ารับชมได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บริเวณไปรษณีย์กลางบางรัก และทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมิติที่ทาง สมาคมแฟชั่นดีไซน์เนอร์กรุงเทพหรือ Bangkok Fashion Society (BFS) ต้องการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพงานดีไซน์ของคนไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งเรื่องของการคัดเลือกวัตถุดิบ ความคิดสร้างสรรค์ ขั้นตอนในการผลิต ล้วนแต่เป็นรายละเอียดที่ทางทีมดีไซน์ให้ความใส่ใจเป็นอย่างดี รวมถึงอุดมคติที่มุ่งสร้างแรงขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวไปสู่ระดับสากล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image