โลกใบนี้ล้วนมีความหลากหลาย ทั้งเรื่องชาติพันธุ์ ภาษา ศาสนา และวิถีชีวิต แต่เชื่อหรือไม่ว่า.. ภายใต้ความหลากหลายเหล่านั้น กลับมีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นตัวเชื่อมโยงให้แต่ละประเทศสามารถสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นตัวตน และนำมาซึ่งการเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรมและภาษาร่วมกันได้อย่างแนบแน่น
สิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดโครงการ “แลกเปลี่ยนภาษาวัฒนธรรมไทยและญี่ปุ่น” กับมหาวิทยาลัยฮิเมจิดกเคียว ประเทศญี่ปุ่น มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 7 ปี เพื่อแลกเปลี่ยนภาษาและศิลปวัฒนธรรมต่างๆร่วมกันระหว่างนักศึกษาไทยและนักศึกษาชาวญี่ปุ่น
รวมทั้งยังทำให้นักศึกษาของรามคำแหง ได้มีโอกาสใช้ทักษะความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นสื่อสารกับเจ้าของภาษาที่แท้จริง ตลอดจนได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ อาทิ การรำไทย มวยไทย การละเล่นพื้นบ้าน การเขียนอักษรญี่ปุ่น และยังได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขด้วย
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ยังได้ขยายความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมต่อเนื่องไปอีก 5 ปี เพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ และเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีของนักศึกษาทั้ง 2 มหาวิทยาลัยต่อไป
“ตอนที่ทราบว่าตนเองได้มาแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทย รู้สึกตื่นเต้นและหาข้อมูลเกี่ยวกับไทยแลนด์ ในเว็บแนะนำประเทศบอกว่าที่นี่มีอะไรดีหลายอย่าง และฉันได้เห็นสิ่งแรกคือรอยยิ้มของทุกคนที่รอต้อนรับ ความมีน้ำใจให้กับผู้อื่นเรามาแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมกัน ฉันยินดีจะส่งมอบสิ่งเหล่านั้นและยินดีรับวัฒนธรรมใหม่กลับไปเช่นเดียวกัน”
Mika Hattori เอ่ยว่า คนไทยเป็นคนน่ารักและประทับใจการต้อนรับที่ดีจากเพื่อนนักศึกษาม.รามคำแหง เชื่อว่าตลอดเวลาในการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมที่นี่ จะเต็มไปด้วยความรู้และมิตรภาพที่ดีต่อกัน
“ฉันได้รับการต้อนรับที่ดีจากทุกคน ได้พูดคุยและได้ร่วมทานอาหารด้วยกัน นั่นยิ่งทำให้เรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากขึ้น ก่อนหน้านี้ฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย ทราบว่านอกจากวัฒนธรรมอันดีแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านการแต่งกายห้างสรรพสินค้า ส่วนอาหารไทยที่อยากลองทานคือสาคู เพราะยังไม่เคยทานเลยสักครั้ง”
Anna Nakayama เอ่ยว่า สนใจเรื่องการแพทย์ของประเทศไทย การรักษาด้วยแพทย์แผนไทย การนวดไทยเป็นที่พูดถึงในประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้ง ตอนนี้มีโอกาสได้มาประเทศไทยแล้วจึงอยากเรียนรู้ด้วยตัวเองและลองนวดดูสักครั้ง
“ฉันสนใจเรื่องการรักษาพยาบาลของประเทศไทย มีการพูดถึงการรักษาด้านแพทย์แผนไทยและการนวดไทยที่ประเทศญี่ปุ่น ฉันได้ทราบมาว่าการนวดไทยเป็นวัฒนธรรมที่ดีอีกอย่างหนึ่งของประเทศไทย ถ้ามีโอกาสก็อยากเรียนรู้ด้านนี้เพิ่มเติม และลองนวดไทยสักครั้ง”
Nozomi Nukakouzi เอ่ยว่า ตนเองได้หาความรู้เกี่ยวกับประเทศไทยมาบ้าง เห็นถึงความแตกต่างทางด้านวิถีชีวิตและสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว แต่ในความแตกต่างนี้ ทำให้ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่ดีงามและอาหารที่แตกต่างจากคนญี่ปุ่นมาก ทั้งผลไม้ อาหารคาวหวาน ที่นับว่าเป็นอีกอย่างที่น่าสนใจ
“ประเทศไทยค่อนข้างร้อนกว่าประเทศญี่ปุ่น วิถีชีวิตของคนที่นี่ก็แตกต่างกับคนที่นั่นเช่นกัน ทำให้มีอะไรหลายหลายอย่างที่ฉันไม่เคยเจอและสนใจอยากจะเรียนรู้สิ่งนั้น อาหารก็แปลกตาเป็นอย่างมาก นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากลองชิม เช่นมะม่วงหรือทุเรียน ซึ่งในรีวิวของคนญี่ปุ่นบอกไว้ว่ากลิ่นค่อนข้างแรง แต่รสชาติอร่อยมาก แม้จะรู้สึกกังวลนิดหน่อยแต่เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้วก็อยากลองชิมให้รู้ด้วนตัวเอง”
