เครือข่ายยื่นหนังสือถึงสนง.ศาลยุติธรรม-ประธานศาลอุทธรณ์ภาค5 ร้องปัญหาบ้านพักตุลาการ

เมื่อเวลา 09.05 น.วันที่ 19 มิถุนายน ที่หน้าศาลอุทธรณ์ภาค 5 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กรณีปัญหาโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ นายโชติพัฒน์ ศรีภักดีพงศ์เดช เครือข่ายวิศวกรรักษ์ป่า น.ส.ลักขณา ศรีหงส์ โครงการเขียว สวย หอม และนายอาณัติ คลังวิเชียร ตัวแทนชุมชนเมืองเชียงใหม่ พร้อมสมาชิกเครือข่ายเดินทางยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง 2 ฉบับ ถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 เรื่องการแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ

โดยหนังสือฉบับแรกมีถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม มีข้อความระบุว่า เนื่องจากเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของประชาชนชาวเชียงใหม่เพื่อปกป้องฟื้นฟูดูแลดอยสุเทพอย่างยั่งยืน และได้ติดตามนโยบายการแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ มาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทั้งนี้จากรายงานของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่ได้เผยแพร่ภาพล่าสุดของการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การก่อสร้างโครงการดังกล่าวจะไม่แล้วเสร็จตามสัญญาในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2561 อย่างแน่นอน ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพจึงใคร่เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหา ดังนี้

1.ขอให้ยุติสัญญาก่อสร้างในทันที 2.ดำเนินการย้ายข้าราชการที่เข้าไปอยู่ในอาคารชุด 9 หลัง โดยมีกำหนดเวลาของการดำเนินการที่ชัดเจน และ 3.คืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ซึ่งข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้างต้น คือข้อตกลงที่ทางรัฐบาลได้ตกลงไว้กับทางเครือข่าย ในการเจรจาในวันที่ 6 พฤษภาคม 2561 และท่านได้ประกาศไว้แล้วว่าจะทำตามรัฐบาลที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการแทน ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพใคร่ขอให้มีการแถลงต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้อย่างทั่วถึง

ส่วนฉบับที่ 2 ส่งถึงประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 เรื่องขอข้อมูลข่าวสารกรณีข้าราชการเข้าไปพักอาศัยในอาคารชุดของโครงการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

Advertisement

ข้อความระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวสาร และภาพถ่ายจากสื่อมวลชน รวมทั้งเป็นประเด็นถกเถียงกันในโซเชียลมีเดียในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา กรณีข้าราชการเข้าไปพักอาศัยอยู่ในอาคารชุด โครงการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ กว่า 30 คน ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ยืนยันผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2561 ว่า “ยังไม่ได้อนุมัติให้ใครไปอยู่ทั้งสิ้น” ซึ่งข่าวสารและภาพถ่ายดังกล่าวข้างต้นได้สร้างความสับสนและความกังวลแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด และคลี่คลายความกังวลของประชาชน เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จึงใคร่ขอรายละเอียดข้อมูลตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.ขอข้อมูลจำนวนข้าราชการที่เข้าไปพักอาศัยอยู่ในอาคารชุดในโครงการก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ 2.ขอทราบระยะเวลาที่ข้าราชการตุลาการได้เข้าไปพักอาศัยในอาคารชุดในโครงการว่าเข้าไปพักอาศัยตั้งแต่เมื่อใด และ 3.ขอข้อมูลแผนการดำเนินการและกำหนดเวลาที่แน่ชัดในการหาที่พักอาศัยแก่ข้าราชการตุลาการหลังจากการย้ายออกจากอาคารชุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้ออกมาแจ้งให้ทางเครือข่ายทราบว่า อนุญาตให้เข้าไปยื่นหนังสือได้เพียง 2 คนเท่านั้น และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพและทำข่าวภายในเขตศาล นายธีระศักดิ์และนายโชติพัฒน์จึงเข้าไปยื่นหนังสือ 2 ฉบับต่อฝ่ายธุรการ ซึ่งรับปากว่าจะส่งให้เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมและประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้เร็วที่สุด โดยทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ภายในศาลอุทธรณ์เพียง 6 นาทีเท่านั้น

หลังจากนั้นนายธีระศักดิ์ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า เรามาทวงสัญญา 2 ข้อ ที่เคยตกลงกันไว้หลังสำนักงานศาลยุติธรรมมอบให้รัฐบาลเป็นคนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เราอยากให้สำนักงานศาลยุติธรรมชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อแรก คือท่านจะต่อสัญญาหรือไม่ เพราะบ้านพัก 45 หลังควรสร้างเสร็จตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 มีการต่อสัญญามาแล้ว 3 ปี ครบกำหนดวานนี้ เราจึงคิดว่าต่อไปไม่มีการฟ้องร้องจากผู้รับเหมาแล้ว เราจึงขอให้สำนักงานศาลยุติธรรมยุติสัญญาอันนี้ มีข้อกฎหมายระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่จะระงับสัญญานี้ได้ ส่วนเรื่องที่สองขอให้จัดการย้ายผู้อยู่อาศัยในอาคาร 9 หลัง ออกจากเขตพิพาทให้เป็นไปตามการเจรจา เราไม่ได้ขอให้ออกวันนี้พรุ่งนี้ ท่านกำหนดมาประมาณสัก 1 เดือนเราก็ยินดี หวังว่าสำนักงานศาลจะได้มีการแถลงว่าท่านจะเอาอย่างไรต่อไป อย่ายืดเยื้อจนกลายเป็นข้อขัดแย้งไม่สิ้นสุด ขอให้ออกมาแถลงหลังได้รับหนังสือฉบับนี้

“ทุกวันนี้ไม่มีข่าวสารใดๆ จากศาลเลย มีแต่ข่าวแว่วๆ ว่าผู้รับเหมาจะขอต่อสัญญาไปจนถึงสิงหาคม 2561 และยังไม่ได้ชี้แจงอะไร และจากวันนี้เป็นต้นไปผู้รับเหมาจะต้องเสียค่าปรับวันละ 350,000 บาท เป็นข้อสงสัยต่อประชาชนมากๆ เลยว่า 14 ล้านบาท ท่านจะสั่งปรับหรือไม่ หรือจะใจดีให้ผู้รับเหมาต่อสัญญาฟรี ขอให้ชี้แจงมาด้วย หรือว่าท่านอยากจะทำ ไม่ฟังเสียงประชาชน ขอให้ท่านแถลงมาเลยเราจะได้รู้กันว่าท่านจะเอาอย่างไร”

ส่วนการหารือร่วมกับทางทหารและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่วานนี้นั้น นายธีระศักดิ์กล่าวว่า ท่านผู้ว่าฯแจ้งว่ามีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ที่กรุงเทพมหานครมีอะไรบ้าง ซึ่งหลักๆ คือทางเราก็ขอเข้าพื้นที่อีกครั้งโดยทางคณะกรรมการชุดใหญ่จะส่งตัวแทน คือเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายถาวร พรหมเมธี มาที่เชียงใหม่ประมาณอาทิตย์หน้าเพื่อลงพื้นที่ร่วมกับเราและมาฟังข้อเสนอที่เราต้องการ เช่น เราขอสัญญา ท้ายบันทึกสัญญา แบบแปลน ขอมาเป็นเดือนแล้วยังไม่ได้ เพราะคณะกรรมการต้องการทำงาน

“ในส่วนของผู้อยู่อาศัยนั้นก็ไม่มีคำตอบจากศาลที่แน่ชัด จากที่เราสอบถามผู้อยู่อาศัยเขาก็แจ้งว่า หากมีคำสั่งจากศาลมาเมื่อไรเข้าก็พร้อมย้ายออกจากพื้นที่ เพราะความจริงแล้วมีอาคารชุด 4 หลัง จำนวน 40 ห้อง ที่จะรองรับเจ้าหน้าที่ศาลอุทธรณ์ได้พอเพียง ส่วนศาลเด็กและศาลแขวงที่เมื่อสองเดือนอยู่ที่ไหนก็ให้กลับไปเช่าอยู่ที่นั่น เรื่องนี้ถือว่าช้าและเป็นปัญหามาก เพราะเราให้เวลาและมีคณะกรรมการทำงานอยู่ และในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ เราจะได้ข้อสรุปว่าจะรื้อย้ายอย่างไร แต่ที่เป็นปัญหาคือสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ให้คณะกรรมการเข้าพื้นที่ ไม่ส่งแบบแปลน ไม่ส่งสัญญา ไม่ทุกอย่างเลย แม้กระทั่งการชี้แจงว่าจะต่อสัญญาหรือจะให้ผู้พักอาศัยออกเมื่อไร เราวิงวอนนะว่าท่านมอบให้รัฐบาลตัดสินใจแล้วก็ควรจะดำเนินการตามข้อตกลงและควรจะแถลงให้ชัดเจน”

นายธีระศักดิ์กล่าวอีกว่า ขอฝากถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ช่วยออกมาแถลงว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ช่วยแถลงว่าผู้พักอาศัยจะออกได้เมื่อไร และท่าทีของสำนักงานศาลยุติธรรมว่าจริงหรือไม่เรื่องนี้ที่จะให้รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ และรัฐบาลก็ตั้งคณะกรรมการจะได้ทำงานเต็มที่ ให้ความร่วมมือไม่ว่าจะให้แบบแปลน หลักฐานต่างๆ อบต.ก็ขอ ขนาดพิพม์เขียวซึ่งเป็นหน้าที่จะต้องมอบให้อยู่แล้ว มีอะไรหรือถึงให้ไม่ได้ สัญญา บันทึกท้ายสัญญา เราไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลา 6 นาทีที่สมาชิกเครือข่ายและสื่อมวลชนไปอยู่ที่หน้าศาลอุทธรณ์ภาค 5 นั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอไว้ตลอดเวลา

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image