เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 กรกฎาคม ที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร พ.ต.อ.ณรงค์ สายโน ผกก.สภ.คำเขื่อนแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.ท.ยศกร พันธ์ศิริ รอง ผกก.สส.สภ.คำเขื่อนแก้ว พ.ต.ท.นิราศ จันทร์ฤาชัย สว.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ยโสธร ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายเกียรติ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 5 ต.โพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมของกลางระฆังทองเหลือง 10 ลูก ฆ้องขนาดใหญ่ 1 ใบ และรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้แค็บ สีเทา ทะเบียน บห 9919 อุดรธานี โดยสามารถจับกุมได้ที่กระท่อมปลายนา บ้านโพธิ์ศรีใต้ หมู่ 9 ต.โพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
พ.ต.อ.ณรงค์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกของวันที่ 1 ก.ค.กลุ่มคนร้าย 5 คนร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์ภายในวัดของ อ.คำเขื่อนแก้ว 3 วัด ประกอบด้วยวัดบ้านกู่จาน ต.กู่จาน อ.คำเขื่อนแก้ว วัดบ้านชาตะญานนท์ และวัดบันไดม้า ต.เหล่าไฮ อ.คำเขื่อนแก้ว จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายได้ใช้รถกระบะคันก่อเหตุไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนและรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ ตระเวนตามวัดต่างๆ ในพื้นที่ อ.คำเขื่อนแก้ว จากนั้นก็อาศัยช่วงกลางดึกขึ้นไปบนหอระฆังที่เป็นทองเหลืองเพื่อปลดลงมาแล้วนำขึ้นรถยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายเอกชัย หรือชัย เหลื่อมใส อายุ 32 ปี ชาวอุดรธานี พร้อมพวกรวม 5 คน ได้หนีไปกบดานบริเวณกระท่อมปลายนา บ้านโพธิ์ศรีใต้ หมู่ 9 ต.โพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี จึงเข้าไปตรวจสอบเมื่อไปถึงพบรถกระบะคันก่อเหตุกำลังขับออกมาจากกระท่อม เจ้าหน้าที่จึงได้ลงจากรถเพื่อจับกุมตัว แต่ผู้ก่อเหตุทั้งหมดรวม 5 คน ได้วิ่งหลบหนีไปคนละทิศทาง เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามจับกุมตัวนายเกียรติ (นามสมมุติ) ได้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 ราย สามารถหลบหนีไปได้
พ.ต.อ.ณรงค์กล่าวต่อว่า ระฆังและฆ้องที่ผู้ต้องหาร่วมกันลักขโมยไปมีมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้นำระฆังและฆ้องไปขายให้ร้านทำฆ้องและระฆังในเขต อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี โดยขายฆ้อง 1 ใบในราคา 18,000 บาท ส่วนระฆัง 10 ลูก ขายราคา 23,000 บาท รวม 31,000 บาท ส่วนของกลางทั้งหมดก็จะนำส่งวัดต่างๆ อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ได้นำตัวนายเกียรติ ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 รายที่หลบหนีไปได้จะทำการออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามนายเกียรติให้การว่าเพิ่งพ้นโทษจากคดียาเสพติดได้ไม่นาน ก่อนจะมีเพื่อนรุ่นพี่มาชักชวนให้ไปลักฆ้องและระฆังตามวัด โดยก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งจะมีทีมงานทั้งหมด 5 คน ร่วมตระเวนขับรถกระบะและขี่รถจักรยานยนต์ไปตามวัดต่างๆ เพื่อลักฆ้องและระฆัง โดยตนมีหน้าที่ขึ้นไปบนหอระฆังเพื่อปลดระฆังที่แขวนไว้ในเวลาไม่ถึง 1 นาทีต่อลูก จากนั้นจะพากันขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งนำฆ้องและระฆังไปขายให้ร้านขายในพื้นที่ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี หลังจากนำไปขายตนจะได้รับค่าแรงครั้งละ 1,000 บาท
