ทูตออสซี่มอบเสื้อสามารถให้ผู้ว่าฯ ‘ณรงค์ศักดิ์’ พร้อมเผยแผนรื้อถอนอุปกรณ์ในถ้ำหลวง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 กรกฎาคม ที่โรงแรมแม่โขงเดลตา อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายพอล โรบิลลิอาร์ด เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้เดินทางมาเพื่อมอบเสื้อสามารถและหมวกให้กับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาในฐานะผู้บัญชาการร่วมการค้นหาผู้ประสบภัยวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เพื่อแสดงความยินดีและขอบคุณที่เห็นความสำคัญของทีมกู้ภัยจากออสเตเลีย รวมไปถึงทีมแพทย์ที่เข้ามาร่วมในการค้นหา

โดยนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร กล่าวว่า ทางท่านเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ได้เดินทางมาเพื่อขอบคุณที่ทางเราได้ให้โอกาสออสเตรเลียเข้ามาร่วมงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วทางเราต่างหากที่จะต้องขอบคุณเพราะถือว่าทีมดำน้ำของออสเตรเลีย และทีมแพทย์ เป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติการในครั้งนี้จนสามารถค้นพบและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้ง 13 คนออกมาจากถ้ำสำเร็จ โดยการมาในครั้งนี้ท่านทูต ได้มอบเสื้อสามารถเป็นเสื้อโปโลสีเทา ปักโลโก้รูปจิงโจ้และข้อความเชิดชูเกียรติที่อกด้านซ้าย อาร์มเสื้อด้านขวา เป็นธงชาติไทย-ออสเตรเลีย สื่อความหมายในการร่วมมือกันทั้ง 2 ประเทศ ส่วน อาร์มด้านซ้าย เป็นริบบิ้นไว้อาลัยให้กับจ่าแซม และด้านหลังเป็นข้อความว่า หมูป่าสู้ๆ พร้อมกับมอบหมวกของกรมตำรวจออสเตรเลียให้อีก 1 ใบ

จากนั้นทางทูตออสเตรเลียได้เสนอความติดในการฝึกร่วมในการกู้ภัยระดับประเทศ เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งในช่วงแรกๆ อาจจะเป็นการฝึกร่วมระหว่าง ไทยกับออสเตรเลียก่อน โดยอาจจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพในการฝึก จากนั้นค่อยเริ่มขยายโดยการเชิญชาติต่างๆ เข้าร่วม ซึ่งเหตุการณ์ในถ้ำหลวงนี้ทำให้หลายประเทศจะต้องถอดบทเรียนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือกู้ภัย และการวางมาตรการ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวอีกว่า การปฏิบัติการช่วยเหลือน้องๆ ทั้ง 13 คนช่วงที่ผ่านมา ทางชาวต่างชาติให้เครดิตทีมกู้ภัยของไทยมาก โดยเฉพาะความสามัคคี การพร้อมใจที่ทุกคนมาช่วยกันโดยที่ไม่มีใครมาคาดหวังทั้งที่มาจากประเทศไทยและมาจากทั่วโลก และที่สำคัญเครดิตทีมดำน้ำและชุดซีล ที่มีฝีมือ มีวุฒิภาวะความพร้อมสูงมาก การร่วมกันในงานระดับอินเตอร์เนชั่นแนลแบบนี้จนประสบความสำเร็จลุล่วงได้ นอกจากนี้ทางต่างชาติยังชมไทยด้านการบริหารจัดการของไทยในภาวะวิกฤตที่รุนแรงเช่นนี้ ไทยก็เก่งมากในการบริหารจัดการตรงนี้จนสามารถผ่านวิกฤตตรงนี้มาได้ และประสบความสำเร็จที่คนในโลกจับตาดูประเทศไทย

Advertisement

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวด้วยว่า ส่วนแผนหลังจากนี้ก็มีการรื้อถอนเต็นท์ โดยรอบบริเวณที่เป็นส่วนเกินของวนอุทยานออก และช่วยเก็บขยะทำความสะอาดพื้นที่เพื่อส่งมอบวนอุทยานคืน ส่วนในถ้ำอุปกรณ์หลายอย่างยังค้างอยู่ภายใน เนื่องจากภารกิจช่วย 13 เด็ก และทางหน่วยซีลและคุณหมอออกมาได้แล้ว น้ำเข้ามาเยอะมาก จากการซึมของน้ำที่ฝนตกติดต่อกันมา 3-4 วัน น้ำได้ซึมเข้ามาเกือบจะถึงบริเวณหน้าโถงแล้ว ตอนนี้ต้องรอน้ำลดเพราะหากเข้าไปเก็บในตอนนี้เกรงว่าจะเป็นอันตราย

“จากการพูดคุยกับทุกฝ่ายภายในศูนย์ในเมื่อสามารถกู้ชีพกู้ภัยนำเด็กๆ ทั้ง 13 คนออกมาอย่างปลอดภัยแล้วก็ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียอีก ซึ่งหากเข้าไปเก็บอะไรตอนนี้หากสูญเสียใครไปก็จะไม่คุ้มค่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมด 17 วันจะสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นไหนที่นำไปใช้แล้วเอาออกมาภายหลังแล้วเสียหายก็จะชดเชยให้ในภายหลังจะเป็นการดีที่สุด” ผู้ว่าฯกล่าว

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image