ฉบับเต็ม! เปิดใจ 13 หมูป่า ในรายการเดินหน้าประเทศไทย ตอน “ส่งทีมหมูป่ากลับบ้าน”

สืบเนื่องจากทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง 13 ราย ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากการติดอยู่ในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-น้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยมีกำหนดจะแถลงข่าวเพื่อส่งตัวทั้งหมดกลับบ้านในเวลา 18.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ในช่วงเวลาดำเนินรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ตอน “ส่งทีมหมูป่ากลับบ้าน” ณ ห้องประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ภายในสนามกีฬากลาง จ.เชียงราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ขอให้สื่อมวลชนส่งคำถามให้รับทราบล่วงหน้าแล้ววานนี้ (17 ก.ค.) เพื่อให้นักจิตวิทยาคัดกรองตามความเหมาะสม เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับสภาพจิตใจเด็ก

ทั้งนี้ ผู้ฝึกสอน (โค้ช) และนักเตะทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง 13 ราย ประกอบด้วย 1.นายเอกพล จันทะวงษ์ อายุ 25 ปี โค้ชทีมฟุตบอล 2.ด.ช.อดุลย์ สามออน อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านเวียงพาน อ.แม่สาย 3.ด.ช.ประจักษ์ สุธรรม อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 4.ด.ช.ณัฐวุฒิ ทาคำทราย อายุ 14 ปี ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิศาสตร์ 5.ด.ช.พิพัฒน์ โพธิ อายุ 15 ปี โรงเรียนบ้านสันทราย 6.ด.ช.ภานุมาศ แสงดี อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิศาสตร์ 7.ด.ช.ดวงเพชร พรมเทพ อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิศาสตร์ 8.ด.ช.ชนินทร์ วิบูลย์รุ่งเรือง อายุ 11 ปี โรงเรียนอนุบาลแม่สาย 9.ด.ช.เอกรัตน์ วงค์สุขจันทร์ อายุ 14 ปี โรงเรียนดรุณราษฎร์วิทยา 10.นายพีรพัฒน์ สมเพียงใจ อายุ 16 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 11.นายพรชัย. คำหลวง อายุ 16 ปี โรงเรียนบ้านป่ายาง 12.ด.ช.สมพงษ์ ใจวงค์ อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ และ 13.ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านป่าเหมือด

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ตอน “ส่งทีมหมูป่ากลับบ้าน”  จัดแถลงข่าวส่งตัว 13 ชีวิตทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่กลับบ้าน โดยมีนายสุทธิชัย หยุ่น ดำเนินรายการ บรรยากาศก่อนแถลงข่าวมีการเดาะบอลโชว์จากเยาวชน ซึ่งบริเวณการแถลงข่าวมีการจดเตรียมเป็นสนามบอลจำลองด้วย นพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผอ.โรงพยาบาลเชียงรายราชนุเคราะห์ เล่ารายละเอียดวิดีโออำลาของเยาวชนทีมหมูป่าที่มีต่อคณะแพทย์และพยาบาล เมื่อคืนวันที่ 17 ก.ค. ว่า ภาพที่เห็นการเล่นฟุตบอลเมื่อตอนต้นรายการคงพิสูจน์ได้ว่า เด็กๆ สุขภาพดีขึ้นแค่ไหน โดยตั้งแต่เข้า รพ.ตั้งแต่วันอาทิตย์-อังคาร ทีมแพทย์มีกิจกรรมเสริมสร้างกำลังใจให้กับเด็ก ที่ผ่านมาแม้เจอวิกฤต แต่ทุกคนไม่มีอาการท้อถอยเหมือนคนอื่น มีความแข็งแรง เข้มแข็งภายในจิตใจ ส่วนในด้านจิตวิทยาก่อนออกจาก รพ.ได้จัดให้พบแพทย์พยาบาลที่ไว้ใจก่อนออกมาเผชิญสังคมภายนอก เพื่อถ่ายทอดความรักควมห่วงใยและความรู้สึก เป็นการขอบคุณต่อหน้าครั้งแรก จะถือว่าเป็นประสบการณ์ของเด็ก ขอบคุณทุกคนที่ดูแลเด็กๆ ก่อนเดินหน้าสู่ครอบครัวที่รออยู่อีกฝั่ง ซึ่งเด็กควบคุมอารมณ์ได้ดี

พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือหมอภาคย์ ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 กล่าวว่า ตอนอยู่ในถ้ำสังเกตว่า เวลาเด็กๆ ได้อาหารไป 3-4 มื้อ เขาเริ่มมีพลัง กำลังกายเริ่มกลับมา เริ่มฟื้นตัว สิ่งที่เขาพูดกันคือเรื่องออกมานอกถ้ำ ออกมาหาอะไรอร่อยๆ กิน ไปเที่ยว หลายคนสัญญากับผมและทีมซีลว่าจะหาอะไรแปลกๆ มาให้ เช่น ไส้อั่วงู อาหารพม่า นั่นคือความพร้อมของเขาตั้งแต่อยู่ในถ้ำ มั่นใจว่ากลับไปใช้ชีวิตได้ นอกจากนี้มีการพูดคุยเบื้องต้นว่า ปิดเทอมใหญ่เด็กๆ จะไปโคราช ไปที่กองพัน เราพร้อมดูแล

Advertisement

จากนั้นทีมหมูป่าและทีมซีลเริ่มแนะนำตัวทีละคน นายสุทธิชัยถามว่า เมื่อทีมดำน้ำเจอกับทีมหมูป่าทั้ง 13 คน ขณะนั้นใครเป็นคนประกาศต่อนักดำน้ำว่าอยู่กัน 13 คน เห็นนักดำน้ำได้อย่างไร ทำไมถึงฟังเข้าใจและสามารถตอบได้ทันที ด.ช.อดุลย์ สามออน กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนเย็น นั่งอยู่บนโขดหินด้านบน ได้ยินเสียงคนพูด พี่เอกบอกให้เงียบ เพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ เราหยุดแล้วฟัง ปรากฏว่าจริง ผมตกใจ พี่เอกสั่งให้มิกซ์ลงไปก่อน เพราะมิกซ์จับไฟฉายไว้ พี่เอกบอกให้รีบลงไป นี่เสียงคน เดี๋ยวเขาผ่านไป แต่มิกซ์กลัว ผมจึงแย่งไฟฉายแล้วลงไปทักทายเขา ตอนแรกคิดว่าเป็นคนไทย เห็นแล้วตกใจเพราะเป็นคนอังกฤษ ไม่รู้จะพูดอะไร เป็นสิ่งมหัศจรรย์มากๆ ไม่รู้จะทวนคำถามอย่างไร คิดนานมาก ผมตกใจมาก เขาถามว่าสบายดีไหม ก็ตอบว่าโอเค ถามว่าให้ช่วยไหม เค้าบอกไม่ต้องให้ขึ้นไป ได้ยินชัดว่ามีกี่คนก็ตอบว่าใช่

Advertisement

นายสุทธิชัยถามว่า เสียง “แปลหน่อยดิๆ ” คือเสียงใคร นายเอกพล หรือโค้ชเอกรับว่าเป็นเสียงตน พร้อมกล่าวว่า ตัวเองไม่รู้ภาษาอังกฤษ บอกให้น้องแปลให้หน่อย น้องบิวแปลให้ฟัง น้องตี๋บอกแปลเร็วๆ หน่อย น้องบิวบอกฟังไม่ทันครับใจเย็นๆ นายสุทธิชัยถามต่อว่า แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไร ด.ช.อดุลย์ตอบว่า เขาให้ขึ้นไปด้านบนเนินสูง ไม่ต้องลงมา แล้วถามว่าอยู่กี่วัน เราตอบว่า 10 วัน สมองช้ามาก เพราะอยู่ตั้ง 10 วัน อังกฤษ คณิตไม่มีเลย หิวอย่างเดียว ออกไปจะกิน

นายสุทธิชัยถามว่าได้ดูฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศหรือไม่ โค้ชเอกบอกว่า “ดูครับ ดูสด สนุกมากครับ” ด้านน้องมาร์คกล่าวว่า ตนเชียร์ฝรั่งเศส ทีแรกไม่รู้สึกสนุก แต่พอเห็นนักกีฬาที่ชอบยิงเข้าก็ดีใจ ชอบอ็องตวน กรีซมาน เพราะเห็นเล่นเกมแล้วเขายิงเข้าได้หลายๆ ลูก

เมื่อถามว่าเข้าไปในถ้ำทำไม โค้ชเอกบอกว่า น้องบอกว่ามีทริปไปถ้ำกันไหม เพราะบางคนไม่เคยไป ตนจึงตอบว่าถ้าอยากไปก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวจะพาไป จึงได้วางโปรแกรมไปซ้อมใกล้ๆ และลงเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการให้เจอกันวันเสาร์จะมีการเตะฟุตบอลอุ่นเครื่อง 10 โมง เสร็จแล้วจะไปถ้ำหลวงฯ เพื่อศึกษาธรรมชาติเพราะหลายคนอยากเห็น แต่ส่วนตัวเคยเข้าไปลึกกว่าเนินนมสาวแล้ว เมื่อตอนที่ไปครั้งแรกที่ 3 แยกมีน้ำขังนิดเล็กน้อย ครั้งนี้ก็เช่นกัน เลยลองเข้าไปต่อโดยตนถามเด็กแล้วว่าจะไปกันไหม ถ้าไปมีเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นต้องออก เนื่องจากต้องออกก่อน 5 โมง เพราะต้องส่งไตตั้นไปเรียนพิเศษ

“ยืนยันว่าไม่ได้ไปฉลองวันเกิดใคร เพราะไนซ์บอกวันนี้วันเกิดต้องถึงบ้านก่อน 5 โมง พ่อแม่จัดงานวันเกิดรอที่บ้าน พร้อมถามว่าพี่ๆ จะไปด้วยไหม ปั่นจักรยานไปพร้อมกัน และเมื่อพอเข้าไปติด รู้ตัวตอนกลับออกมาว่า เลยเนินนมสาวไปแล้ว ไปถึงจุดที่ไม่รู้ว่าคืออะไร มารู้ว่าภายหลังว่าเรียกว่าเมืองลับแลหรือเมืองบาดาล ทุกคนคุยกันว่าจะเข้าไปไหม แต่ต้องว่ายน้ำกันเข้าไป ซึ่งทุกคนยืนยันว่าไป โดยน้องตี๋อาสาว่าจะเช็กเองว่าลึกหรือไกลแค่ไหน” โค้ชเอกกล่าว

โค้ชเอกกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าเด็กส่วนใหญ่ว่ายน้ำเป็น มีเพียงบางคนที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ต้องขี่คอไป สำหรับข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าเด็กว่ายน้ำไม่เป็นขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะปกติแล้วส่วนใหญ่ตนจะพาน้องไปว่ายน้ำหลังซ้อมตลอด และเมื่อเลยเนินนมสาวไปในขณะนั้นยังไม่รู้ว่าน้ำขึ้นไหม แต่ก็เช็กน้ำอยู่ตลอด ซึ่งน้องตี๋บอกว่าขึ้นฝั่งแล้ว มาได้เลย ทุกคนจึงตามไป เมื่อไปถึงก็เช็คแล้วว่ามันไปได้อีก จึงถามเด็กจะไปต่อไหมเพราะต้องมุดน้ำไป แต่เมื่อมองนาฬิกาเห็นว่าเกินมาแล้ว 1 ชั่วโมง จึงบอกให้ทุกคนถอย และว่ายน้ำกลับ หลังจากนั้นเดินกลับมาปกติ แต่เมื่อมาเจอ3แยก น่าจะเป็นน้องบิวตะโกนขึ้นมาว่า “พี่เราเจอน้ำ”

เมื่อเด็กถามว่า หลงทางหรือไม่ ตนตอบว่า “ไม่หลงแน่นอน เพราะมีทางเดียว” และต้องดูว่าเป็นทางเข้าไหม ตนจึงไปเช็กเอง โดยให้ตี๋ ไนซ์ อดุลย์จับเชือกไว้ พร้อมบอกว่าถ้ากระตุกเชือก 2 ครั้งแปลว่าให้ดึงกลับ ถ้าไม่ดึงแปลว่าออกไปได้ แต่เมื่อไปถึงตนพบว่าข้างล่างเป็นทราย ข้างบนเป็นหิน รู้สึกแล้วว่าออกไม่ได้ ต้องกลับออกมาบอกว่าออกไม่ได้ ต้องหาทางออกใหม่ จากนั้นจึงกระตุกเชือก เพราะส่งเสียงแล้วจะไม่ได้ยิน หลังจากนั้นพาเด็กขึ้นไปบนบก น้องถามว่าจะออกยังไง จึงเสนอว่าขุดร่อง และได้เริ่มลงมือ หาก้อนหิน ตอนนั้นประมาณเกือบ 5 โมง ขุดไปเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าน้ำจะลด ตี๋จึงบอกว่าไปหาที่นอนก่อนไหมเพราะเริ่มมืดแล้ว ทุกคนตกลงว่าไปหาที่นอนก็ได้ หลังจากนั้นตนจึงบอกไปว่าอาจเป็นน้ำขึ้นน้ำลง พรุ่งนี้อาจจะลด ไปนอนก่อนดีกว่า ขณะนั้นไม่มีอาหารในกระเป๋าเลย เพราะกินไปแล้วจากสนามฟุตบอล หลังจากนั้นได้เดินถอยออกจาก 3 แยกไป 200 เมตร เจอเนินทรายมีน้ำที่ตกอยู่หน้าถ้ำ หรือน้ำย้อยผาหิน จึงบอกน้องว่าอยู่ใกล้แหล่งน้ำดีกว่า และก่อนจะนอนหลับบอกว่าไหว้พระก่อน และขณะนั้นก็คิดว่ายังไงน้ำคงลดลง

นายพรชัย หรือตี๋เล่าว่า การเอาตัวรอด ส่วนใหญ่หาน้ำกินจากหินย้อย รสชาติเหมือนน้ำเปล่าทั่วไป กินน้ำอย่างเดียวไม่มีอาหาร วันแรกยังไม่รู้สึกอะไร แต่ผ่านไป 2 วันเริ่มรู้สึกหมดแรง โค้ชเอกบอกให้อยู่นิ่งๆ ส่วนใหญ่ให้น้องที่มีไฟฉายแรงๆ ปิดก่อนเพื่อไว้ใช้ทีหลัง วันที่ 2 ก.ค.ผ่านไป 10 วันถึงมีนักดำน้ำมา ส่วนใหญ่ตอนนั้นทุกคนอ่อนแรง ไม่มีแรง

ด.ช.ชนินทร์ หรือไตตั้น กล่าวว่า ตอนนั้นมีหน้ามืดบ้าง ไม่มีแรง หิว พอหิวมากๆ ก็ไม่นึกถึงกับข้าว เพราะจะทำให้หิวกว่าเดิม แต่คิดถึงข้าวผัด น้ำพริกอ่อง ด้าน ด.ช.ประจักษ์ หรือโน้ต กล่าวว่า ตอนนั้นกินน้ำให้อิ่มๆ ยามว่างก็ไปขุดหลุม ขุดผนังถ้ำ ใช้ก้อนหินขุดได้ 3-4เมตร

นายเอกพล หรือโค้ชเอก อธิบายเรื่องการขุดถ้ำเพื่อหาทางออกว่า เพราะตอนที่ติดถ้ำถึงวันที่ 4-5 ได้ปรึกษากันว่าจะหาทางออกยังไง เพราะน้องบิวกับดอมเคยเข้าค่ายที่ถ้ำหลวง มีเจ้าหน้าที่บอกว่ามีทางออกปลายถ้ำ แต่ระยะทางไกลมาก เลยบอกว่าเราจะเสี่ยงมุดออกไปไหม เรามีโอกาสครั้งเดียว ถ้าเจอก็รอด ถ้าไม่เจอจะโดนปิดตายสองชั้น จึงถอยมาเนินนมสาวแล้วปรึกษากัน จังหวะนั้นมีน้ำไหลมา พอได้ยินเสียงแล้วก็ให้ทุกคนเงียบ พอลองส่องไฟฉายน้ำเริ่มไหลมา จึงให้น้องขึ้นที่สูงที่เนินนมสาว ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากนั้นน้ำขึ้นสูงมากเกือบ 3 เมตร แต่ไม่ได้ยินเสียงฝนตก พอติดตรงนั้นก็บอกว่าทางข้างล่างหมดสิทธิไปแน่ต้องรอเจ้าหน้าที่มาเจออย่างเดียว อย่างที่สองคือขุดผนังเพื่อหาทางออก อย่างน้อยก็ทำอะไรบ้าง ไม่ใช่มัวแต่นอนรอเจ้าหน้าที่มาเจอ เลยผลัดกันขึ้นไปขุดผนัง แต่ก่อนขึ้นไปขุดจะกินน้ำให้อิ่มก่อน ขุดเหนื่อยก็เปลี่ยนอีกคน วนไปจนดึกหมดแรง อยู่ข้างบนเกือบทั้งวันเพื่อขุดหาทางออก ตอนเย็นจะลงมาด้านล่างเนินที่ใกล้น้ำ ตอนนั้นน้ำเริ่มตกตะกอนใสแล้ว ก็กินน้ำและนอนใกล้น้ำที่สุด

พ.ท.นพ.ภาคย์กล่าวว่า หลังจากที่พบเด็กทางทีมซีลก็ดำน้ำเข้าไปหาและให้พวกผม 4 คนดูแลน้องๆ เพื่อเพิ่มพลังงานอนุบาลร่างกายให้แข็งแรงก่อน โดยมีฝ่ายอำนวยการข้างนอกวางแผนการนำออกไป แต่สิ่งที่ไม่คิดว่าน่าเป็นไปได้ คือการพาน้องออกทางเดิมด้วยการดำน้ำ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนดำเข้ามายากลำบากมาก ในใจอยากให้หาวิธีเจาะโพรงโรยตัวลงมาน่าจะปลอดภัยสุด และรอให้ระดับน้ำลดลงไป ผมฟังแผนจากคนส่งเสบียง คือเจสัน นักดำน้ำต่างชาติ เอาเสบียงมาให้แล้วบอกให้อยู่ได้ 1-2 อาทิตย์ แผนคือ 1.ให้คอย 2.ใช้หน้ากากเต็มหน้าดำน้ำออกไป ผมรอการตัดสินใจจากข้างนอก ในใจก็ห่วงว่าจะดำน้ำไหวไหม

นายสุทธิชัยกล่าวถึง “พี่ใบเตย” หน่วยซีลที่อยู่กับทีมหมูป่าว่าตอนอยู่ในถ้ำแต่งตัวน้อยชิ้นมาก ด.ช.ภานุมาศ หรือมิกซ์ บอกว่า พี่ใบเตยใส่แต่กางเกงในแล้วเอาฟอยล์ปิดไว้ ด้าน ด.ช.สมพงศ์ หรือพงศ์ กล่าวเสริมว่า ชุดเวทสูทพี่ใบเตยเปียกแล้วไม่ได้เตรียมกางเกงเข้าไปด้วย เลยเอาฟอยล์มาปิดไว้ โป๊แต่ตลก

ขณะที่หน่วยซีลใช้นามว่า ‘ใบเตย’ กล่าวว่า ในภารกิจช่วยชีวิตหมูป่าทั้ง 13 คน ตั้งใจไว้แล้วว่า หากไม่เจอเด็กจะไม่กลับเด็ดขาด โดยระหว่างการเดินทาง ศีรษะของตนทิ่มกับหินงอกหินย้อยตลอด เนื่องจากไม่ได้สวมหมวกกันน็อค ในใจคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรงานนี้ต้องสำเร็จ ต่อมา เมื่อทราบว่าพบเด็กๆ แล้ว จึงรีบไปยังเนินนมสาว เมื่อไปถึง ตนเริ่มต้นจากการทดสอบกำลังใจโดยถามว่า “หมูป่าสู้ไหม?” ครั้งแรก ยังตอบเด็กๆด้วยเสียงเบาๆ สำหรับเหตุการณ์หลังจากนั้น เป็นแบบ ‘18+’ กล่าวคือ ตนให้ทุกคนถอดเสื้อผ้า จากนั้นได้แจกจ่ายฟอยล์สำหรับห่มให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

“ในกระเป๋ากันน้ำ ผมพกยารักษาโรค ไฟฉาย ถ่าน พอไปถึง ต้องแจกจ่ายฟอยล์ให้เด็ก อุปกรณ์ที่เอาไปครั้งแรก ไม่พอ และจะต้องปูพื้นซึ่งเป็นโคลน ไม่อย่างนั้นจะนอนไม่ได้ ในถ้ำอากาศเย็น และชื้นตลอด” หน่วยซีล ‘ใบเตย’กล่าว

จากนั้นเด็กๆ ได้กล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อเจ้าหน้าที่ซีลรายดังกล่าว โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียดกับสถานการณ์ เช่น เล่นหมากฮอส ตนและหน่วยซีลกินและนอนด้วยกัน ทุกวันนี้เรียกหน่วยซีล ‘ใบเตย’ ว่า ‘พ่อ’ เนื่องจากเขาเรียกตนว่า ‘ลูก’ ซึ่งหลังจากกล่าวประโยคดังกล่าวจบ ผู้ร่วมชมการแถลงข่าวปรบมืออย่างกึกก้อง

ขณะที่ พ.ท.นพ.ภาคย์ เปิดเผยความรู้สึกระหว่างเข้าไปดูแลเด็กๆ ทีมหมูป่าอะคาเดมีภายในถ้ำหลวงว่า สนิทสนมกับทุกคน ไม่เฉพาะคนใดคนหนึ่ง รวมระยะเวลา 9 วัน เป็นช่วงที่ต้องแบ่งปันซึ่งกันละกัน รวมถึงทำอย่างไรเด็กจะอยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ ซึ่งตัวเองก็มีลูกชาย น้องๆ ซีลในทีมก็มีลูก ทำให้มองเด็กแล้วมีความรู้สึกเอ็นดู อยู่ด้วยกันแล้วจึงซึมซับเหมือนเป็นคนในครอบครัว

จากนั้นนายสุทธิชัยให้ทีมหมูป่าฯ เล่าความรู้สึกหลังทราบข่าวร้ายของ น.ต.สมาน กุนัน หรือจ่าแซม โดยนายเอกพล หรือโค้ชเอก กล่าวว่า หลังทราบข่าวจ่าแซม อดีตหน่วยซีลที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงฯ ทุกคนเสียใจและประทับใจที่ น.ต.สมานยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเด็กทั้ง 13 คน เพื่อให้ได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกอย่างมีความสุขโดยปกติ ตอนทราบข่าวครั้งแรกว่ามีคนเสียสละชีวิตให้ 1 ท่าน ทุกคนช็อกและเสียใจมาก คิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวของพี่จ่าเสียใจและเดือดร้อน จากนั้นเมื่อมีทีมแพทย์มาบอกว่ามีรูปจ่าแซมมา จะทำอะไรกันไหม ทุกคนบอกว่าอยากเขียนข้อความส่งถึงครอบครัวของพี่จ่า แต่ไม่รู้จะเขียนอย่างไร เลยมาเขียนเป็นความในใจบนรูปภาพของพี่จ่า และคิดว่าคงมีคนส่งไปยังครอบครัวพี่จ่าแซม

AFP PHOTO / LILLIAN SUWANRUMPHA

โดยระหว่างการแถลงข่าวนั้น น้องไตตั้น 1 ในทีมหมูป่าฯได้อ่านสิ่งที่โค้ชเอกเขียนถึง น.ต.สมานว่า ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ขอให้ท่านไปสู่สุขติ ขอขอบพระคุณท่านที่ได้เสียสละทั้งกายและใจ และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวคุณจ่าอย่างสุดใจ ขอกราบขอบพระคุณคุณจ่าและครอบครัว ขอให้คุณจ่าไปสู่สุขคติภพภูมิที่ดี ขอขอบพระคุณจากใจจริง จากเอกพล จันทะวงษ์

ต่อมา นายเอกพล หรือโค้ชเอก กล่าวถึงการถอดบทเรียนภายหลังออกจากถ้ำหลวงว่า ซาบซึ้งใจจากทุกท่านและจะใช้สติอย่างมีประโยชน์ ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าหลังตัวเองได้ประสบภัยในครั้งนี้ จะไม่ประมาท จะทำอะไรจะเช็กให้ดีว่าควรทำไหม สำหรับเรื่องบวชนั้นได้ยินจากทางผู้ปกครองเช่นกัน ส่วนเรื่องบวชอุทิศให้ น.ต.สมาน จะบวชกี่วันก็ได้ และทุกคนจะบวชพร้อมกัน

นายสุทธิชัยถามว่า สำหรับเด็กๆ อีก 4 คนที่ยังไม่ได้สัญชาติไทย ในเรื่องนี้ผู้ว่าฯเชียงรายจะดำเนินการอย่างไร นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า น้องๆ ได้ยื่นเรื่องที่อำเภอแล้ว ขณะนี้อยู่ในสำนักทะเบียน รอตรวจสอบ เพื่อดำเนินตามขั้นตอน

“ด้วยเดชะบารมีของในหลวง ร.10 ท่านทรงห่วงใยน้องๆ 13 ชีวิต รวมทั้งทีมที่ไปช่วยกันทุกคน” นายประจญกล่าว

จากนั้นนายประจญชวนเด็กๆ และทีมงานกราบแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.10 ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเสร็จสิ้นงานแถลงข่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image