เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 23 กรกฏาคม ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากพระใบฏีกาวัชรพงษ์ วิชิรวํโส พระเลขาวัดทองนพคุณ หมู่ 4 ต.บางจาก อ.เมือง เพชรบุรี ว่า มีคนร้ายเข้ามาขโมยเงินจากตู้บริจาคภายในอุโบสถของวัด และกล้องวงจรปิดของวัดสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน จึงรุดไปตรวจสอบ
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของวัดพบรถกระบะวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ตอนครึ่ง โหลดเตี้ย และหลังกระบะบรรทุกสิ่งของสีขาวคล้ายถุงขนาดใหญ่ วิ่งมาจากทิศทางคลองบางจากเลี้ยวซ้ายเข้าประตูหน้าวัด วิ่งไปจอดอยู่บริเวณด้านข้างพระอุโบสถ จากนั้นกล้องจงจรปิดภายในพระอุโบสถได้บันทึกภาพคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 35-40 ปี ลักษณะศีรษะล้าน ไว้หนวด ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีเทามีลวดลายสีเหลืองบนหน้าอก สวมกางเกงขาสั้นคลุมเข่าลายทหาร เข้ามาในด้านใน คนร้ายยกมือไหว้พระประธานโดยขณะยกมือไหว้ได้หันหน้ามามองตู้เซฟสำหรับรับบริจาคทำบุญเพื่อการศึกษา พระ-เณร ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้าง และกล้องวงจรปิดที่อยู่มุมห้องอยู่หลายครั้ง ต่อมาได้มีหญิงสาวอายุประมาณ 30-40 ปี ผมยาว ใส่เสื้อยีนส์ สวมกางเกงผ้าบาติก เดินเข้ามานั่งกราบพระ จากนั้นชายคนร้ายได้ผลักกล้องวงจรปิดให้หันไปบันทึกภาพทางอื่น แต่ปรากฏมุมกล้องที่ถูกผลักยังคงมองเห็นตู้เซฟอยู่
โดยหลังผลักกล้องเสร็จหญิงสาวได้เดินแยกจากฝ่ายชายออกไปทางด้านหน้าประตูโบสถ์คาดว่าเพื่อจะไปดูต้นทาง ส่วนฝ่ายชายจะได้เดินมาดูช่องหยอดเงิน และเดินหายออกไปหยิบอุปกรณ์ลักษณะแท่งไม้ยาวประมาณ 1 เมตร มาแหย่เข้าไปในรูช่องหยอดเงินและดึงหรือคีบธนบัตรราคาต่างๆออกมาใส่กระเป๋ากางเกงจำนวนหลายครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินออกจากโบสถ์และรีบขึ้นรถขับออกไป โดยเลี้ยวขวาใช้เส้นทางที่จะไปออก ถ.เพชรเกษม หรือ ทะลุผ่านไปยัง ต.หนองปลาไหล อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรีได้
สอบถามพระใบฏีกาวัชรพงษ์ เล่าว่า โบสถ์วัดทองนพคุณเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบนมัสการพระประธานได้ทุกวัน ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงปลอดคน คนร้ายทำทีมากราบพระเช่นคนปกติทั่วไปก่อนขโมยเงินของวัดไปดังที่ปรากฏในภาพ เบื้องต้นคาดว่าจะทำมาแล้วหลายครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน ตนเห็นกล้องวงจรปิดถูกผลักเอียงไม่ได้อยู่ในมุมเดิม ครั้งนั้นไม่ได้เฉลียวใจเพราะคิดว่านกพิราบบินชนกล้องจึงจับตั้งใหม่ในมุมปกติ กระทั่งวันเกิดเหตุครั้งนี้เห็นมุมกล้องมีลักษณะบิดเอียงอีกจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังและพบการขโมยเงินตู้บริจาคดังกล่าว
เบื้องต้นพระใบฏีกาวัชรพงษ์ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตู้ยามสายตรวจ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดให้เข้ามาตรวจสอบพร้อมมอบภาพวงจรปิดทั้งหมดให้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีแล้ว
