จากกรณี นายสรพงศ์ เค้ากล้า วัย 59 ปี หรือครูหมี ครูสอนพละศึกษา โรงเรียนห้วยต้อนวิทยาคม ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นครูผู้ค้ำประกัน เงินกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ให้กับเด็กนักเรียนจำนวนมากกว่า 40 คน ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว บอกข่าวถึงลูกศิษย์ให้นำเงินไปชำระหนี้ พร้อมระบายความในใจลงในเฟซบุ๊ก กลายเป็นเหตุการณ์ที่สังคมติดตาม และโพสต์ข้อความสอบถามเรื่องราว และให้กำลังใจ
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 ก.ค. นายสรพงศ์ เค้ากล้า หรือครูหมี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ณ ที่ทำการชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ โดยบอกว่าที่ออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก เพียงอยากระบายความรู้สึก และสื่อไปถึงลูกศิษย์ที่มีงานทำแล้ว ให้ชดใช้หนี้ช่วยครูบ้างเท่านั้น ซึ่งหากลูกศิษย์ไม่ชดใช้ ยังไงครูก็ต้องรับใช้ตามหน้าที่และกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งครูไม่ได้ตำหนิและโกรธ เพราะครูไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้ว แต่อยากให้คิดถึงน้องๆ รุ่นต่อไปจะได้ใช้สิทธิกู้ยืมเรียนเท่านั้น ส่วนในอนาคตหลังยึดทรัพย์ครูก็จะไปอาศัยกับญาติๆ และรอวันเกษียนอายุราชการ จากนั้นก็จะหาอาชีพที่เหมาะกับสภาพร่างกายที่ตนเองจะมีแรงทำได้เพื่อเลี้ยงดูตนเองจนสิ้นลมหายใจซึ่งเวลานี้ตนมีโรครุมเร้าหลายโรค เช่น โรคหัวใจ โรคไตวาย โรคเบาหวาน ความดันสูง และเจาะคอเพื่อหายใจสะดวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครูหมี บรรจุที่โรงเรียนห้วยต้อนวิทยาคม เมื่อปี 2539 โดยสอนวิชาพละศึกษา สมัยนั้นมีนักเรียนเพียง 80 คน ครูจำนวน 2 คน สถานที่ใช้เป็นห้องเรียนต้องอาศัยวัดสมานมิตรบ้านห้วยต้อน บริเวณโดยรอบโรงเรียนเป็นป่าช้าเก่าที่รกทึบ นักเรียนส่วนใหญ่จะมีฐานะยากจนผู้ปกครองมีอาชีพทำไร่ทำนา และขายแรงงานจึงไม่มีเวลาที่จะดูแลบุตรหลาน ครูหมีแก้ปัญหาโดยนำความรู้ที่เรียนด้านพละศึกษามาตั้งเป็นชมรมวอลเลย์บอลของโรงเรียนและใช้บ้านพักเป็นที่เก็บตัวและอยู่กินหลับนอน โดยครูทำหน้าที่เป็นทั้งโค้ช ครู และผู้ปกครอง ใช้เงินเดือนที่ครูได้รับทุกเดือนเป็นค่าเลี้ยงดู และเด็กบางคนก็นำข้าวสารจากบ้านมาสมทบ
ครูหมี เล่าอีกว่า เด็กทุกคนที่อยู่ในความดูแลของครูเป็นเด็กที่น่ารักทุกคน ว่านอนสอนง่าย มีระเบียบวินัย ซึ่งครูเคยรักยังไง เดี๋ยวนี้ครูก็ยังเป็นห่วงตลอดมา โดยเฉพาะคนที่ยังไม่มีงานทำ ซึ่งอาจเป็นปัญหาหนึ่งที่เด็กนักเรียนไม่สามารถคืนเงินที่กู้ยืมไปกลับคืนกองทุน กยศ. ได้