เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีน้ำในขุนน้ำนางนอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีการขุดเจาะและผันทางน้ำ เพื่อพร่องน้ำออกมาจากถ้ำหลวง โดยเชื่อว่ามีทางน้ำเชื่อมโยงถึงกัน เพื่อช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาดา 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน -10 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทำให้สภาพพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสนามหญ้ากลายเป็นดินโคลน และบริเวณธารน้ำที่ไหลออกมาเป็นสีเขียวมรกตอย่างงดงามจนสร้างความฮือฮาให้ผู้พบเห็นเป็นอย่างมากนั้น
ล่าสุด นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) เดินทางเข้าตรวจพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า ช่วงที่มีการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาดา มีเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการภายในขุนน้ำนางนอนด้วย ทำให้ในปัจจุบันจำเป็นต้องฟื้นฟูเพื่อให้กลับสู่สภาพธรรมชาติดังเดิม แต่เนื่องจากเป็นฤดูฝน ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ จึงต้องปิดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าชมชั่วคราวก่อน และจะอนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่เข้าดูสภาพ เพื่อเตรียมการฟื้นฟูและวางผังเท่านั้น จากนั้นจึงทำการฟื้นฟู โดยเริ่มต้นจากการปูผืนหญ้าใหม่ก่อน หากสมบูรณ์แล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาชมความสวยงามอีกครั้งหนึ่ง
“เดิมทีระดับน้ำภายในขุนน้ำมีความลึกไม่มาก มีน้ำที่ไหลออกมาสู่ลำธารลึกประมาณ 50-70 เซ็นติเมตรเท่านั้น แต่หลังจากมีการขุดเจาะเพื่อผันน้ำออกไป และรองรับน้ำจากถ้ำหลวง ทำให้บางจุดลึกกว่า 3-4 เมตร ด้วยความลึก อาจเป็นตัวที่ทำให้น้ำเปลี่ยนสีเป็นสีฟ้ามรกต ส่วนหนึ่งอาจมาจากสารแขวนลอยที่มาจากถ้ำทรายทอง ซึ่งสีที่สวยงาม ทำให้พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและสวยงามก่อน ซึ่งจะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการอนุญาตของนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่จะพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย” นายกมลไชย กล่าว
