เหยื่อถูกตุ๋น! ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังคดีไม่คืบ หวั่นสูญเงินรวมมูลค่านับ 100 ล้าน

จากกรณีที่กลุ่มผู้ค้าทองคำแท่งและทองรูปพรรณไว้เพื่อเก็งกำไรขายในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ทั้งรายใหญ่และรายย่อยกว่า 50 ราย ซึ่งตกเป็นผู้เสียหาย ได้ทยอยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีติดตามจับกุม น.ส.นิชนิภา  ชอบพจน์ หรือกิ๊ป อายุ 28 ปี อยู่ ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ต้นขั้วของการทำธุรกิจค้าทองคำ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการติดต่อจัดหาทองคำและกลุ่มลูกค้าผู้เสียหาย ก่อนธุรกิจจะล่มลง และทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้กับกลุ่มผู้เสียหายรวมมูลค่านับ 100 ล้านบาท ก่อนหลบหน้าหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สำหรับความคืบหน้าของคดี หลังที่ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความ ซึ่งผ่านไปแล้ว 3 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามตัว น.ส.นิชนิภา  ผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวนดำเนินคดีได้ ทั้งๆที่วันเกิดเหตุ  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบตัวกับ น.ส.นิชนิภา  ที่บ้านพักโดยการเข้าระงับเหตุหลังผู้ถูกกล่าวหาพยายามจะคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายมีความกังวลและหวั่นใจว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 22 สิงหาคม ผู้เสียหายทั้งหมดจะรวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ขอให้ติดตามเร่งรัดคดีให้เห็นผลอย่างเร็วที่สุด เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าของคดี   ซึ่งผู้เสียหายกังวลว่า การหายตัวไปอาจมี 2 สาเหตุ คือ 1 เกรงว่าอาจจะถูก ตัดตอนคดี จึงหลบหนีไปเพื่อกบดาน หรือ 2. เกรงว่าอาจจะถูกอุ้มตัวหายสาบสูญไปแล้ว และจะเข้ายื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือกับทาง พลตรีอาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.41 เพื่อให้ช่วยเหลือในการติดตามหาข่าวการหายตัวไป

น.ส.ณหฤทัย ระวังภัย อายุ 31 ปี อยู่ต.หงาย อ.เมือง จ.ระนอง กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย และเป็นผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีเป็นรายแรก ยืนยันว่าหลังเกิดเหตุ ตนมีความวิตกกังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่าเงินกว่า 7 แสนบาทที่ตนเองลงทุนไปจะไม่ได้กลับคืนมา และผู้ก่อเหตุก็จะลอยนวลไปในที่สุด

Advertisement

“ยิ่งได้ทราบกระแสข่าวที่มีการร่ำลือกันว่า  อาจจะถูกอุ้มไปหรือไม่   ยิ่งทำให้ตนเองวิตกกังวลขั้นจิตตก ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ประกอบกับญาติพี่น้องทางบ้านโดยเฉพาะมารดาที่จังหวัดระนอง ก็ยังไม่ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงมากนัก ทราบเพียงแต่ในข่าวสารที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อออกไป จึงอยากจะร้องขออ้อนวอนให้หน่วยงานทุกๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเร่งรัดดำเนินคดี และติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอยากจะให้สื่อมวลชนช่วยเหลือนำเสนอข่าวให้อย่างต่อเนื่องจนได้รับการแก้ไข และขอให้ จนท.เร่งทำการตรวจสอบบัญชี เส้นทางการเงินของ น.ส.กิ๊ป ที่มีมากกว่า 7 บัญชี ในการโอนถ่ายเงินไปให้กับบุคคล บุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ทางภาคใต้ คาดว่าน่าจะเป็นนายทุนใหญ่หรือไม่ เพื่อที่จะสามารถทำการระงับอายัดบัญชี และติดตามตัวผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีได้ ก่อนที่จะไม่หลงเหลือเงินในบัญชีทั้งหมด” ผู้เสียหายกล่าว

พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีผู้เสียหายทยอยเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเรื่อยๆ ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ยังคงรับแจ้งความอยู่อย่างต่อเนื่อง และคดีนี้ยังมีผู้เสียอีกจำนวนมากที่ยังไม่ตัดสินใจเข้าแจ้งความ เพราะเกรงว่าในทีมเดียวกันอาจจะต้องตกเป็นผู้ต้องหาไปด้วย จึงยากต่อการรวบรวมข้อมูลผู้เสียหาย ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้เร่งสอบสวนและรวบรวมหลักฐานต่างๆเท่าที่มีของผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความไว้แล้ว โดยเฉพาะหลักฐานในการโอนเงินจากผู้เสียหายแต่ละคนมารวบรวมเพื่อสรุปยอดเงินที่เสียหายจริงๆ เพื่อจะได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ป็นการเบื้องต้นก่อน ซึ่งเชื่อว่าผู้กระทำผิดน่าจะมีมากกว่า 2 คน และทำกันเป็นกระบวนการ โดยอาจมีตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลังความผิดในครั้งนี้อย่างแน่นอน และคาดว่าจะสามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อเสนอศาลขอออกหมายจับผู้กระทำผิดได้ภายใน1-2 วันนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนขยายผลว่ามีร้านทองในแต่ละพื้นที่ ที่ผู้เสียหายได้กล่าวอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากมีความผิดจริงก็จะต้องถูกดำเนินคดีไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีร่วมกันฉ้อโกง

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image