ตร.เมืองคอนเตรียมตั้งข้อหา “โกรัตน์” เขยเจ้าของส้มโอทับทิมสยามเพิ่ม “พยายามฆ่า” (คลิป)

ตร.เมืองคอนเตรียมตั้งข้อหา”โกรัตน์” เขยเจ้าของส้มโอทับทิมสยามเพิ่ม “พยายามฆ่า” นอกจากครอบครองอาวุธและทำร้ายร่างกายภรรยา เผยติดยาจนหลอนก่อขู่ฆ่ายกครัว ทำให้ 7 ชีวิตต้องหนีมาขอความช่วยเหลือผู้ว่าฯตรัง

กรณีครอบครัว “กุลคง” นำโดยนายสำเร็จ กุลคง อายุ 79 ปี เกษตรกรส่งออกส้มโอ”ทับทิมสยาม”รายใหญ่ ชาว อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นำภรรยา ลูก และหลาน จำนวน 7 คน อพยพมาจ.ตรัง เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กรณีได้เข้าแจ้งความที่สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ถูกนายวิรัตน์ สุขแสง หรือ “โกรัตน์” อายุ 48 ปี นักธุรกิจส่งออกส้มโอพันธุ์ทับทิมสยาม ที่เป็นลูกเขย ใช้อาวุธปืนข่มขู่ว่าจะฆ่ายกครัว โดยมีเรื่องของการติดยาเสพติดจนเกิดอาการหลอน ที่ผ่านมาก่อเหตุทำร้ายร่างกายนางกมลทิพย์ กุลคง ลูกสาวที่เป็นภรรยาโกรัตน์เอง สร้างความหวาดกลัวไปทั้งครอบครัว จนต้องหลบหนีมาขอความช่วยเหลือกับผู้ว่าฯตรัง ขณะนี้อาศัยพักชั่วคราวภายในกองพัน ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ขณะที่นายวิรัตน์หรือโกรัตน์ที่ถือเป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งยังเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สภ.ปากพนังด้วย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ นั้น

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม  ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจาก กองพัน ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนายธโนภาส สินไชย นายกสโมสรโรตารีทับเที่ยง และ ดร.พิทักษ์พงษ์ ชัยคช ตัวแทนสโมสรโรตารีตรัง เดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัว 7 ชีวิต โดยมี ร.อ.นิพล สุขศรีราช หัวหน้าชุด มว.รส.ร15 พัน 4 (กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์จังหวัดตรัง) ร่วมพูดคุยให้กำลังสอบถามความเป็นไปเป็นมาของเหตุการณ์และให้กำลังใจ โดยมีนายสำเร็จ กุลคง อายุ 79 ปี นางกมลทิพย์ กุลคง ลูกสาวและเป็นภรรยาของโกรัตน์ร่วมพบปะพูดคุย
นายศิริพัฒ กล่าวว่า ได้คุยกับผบ.ร 15 พัน 4 แล้วว่า ทางตน พร้อมกับนายกสโมสรโรตารีทับเที่ยง และตัวแทนนายกสโมสรโรตารีตรัง เป็นองค์กรการกุศลร่วมแสดงน้ำใจของคนตรังและของผู้ว่าฯนำเงินส่วนหนึ่งมามอบให้เป็นกำลังใจ เพราะทั้ง 7 ชีวิตออกจากบ้านมา อยากจะมาสอบถามถึงความกังวลใจแตกแรกจนถึงวันนี้ดีขึ้นหรือไม่ ผ่อนคลายแค่ไหน ทางครอบครัวนี้ยังจำตนสมัยรับราชการอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช 10 กว่าปี เคยเป็นนายอำเภอ ปลัดอำเภอและรองผู้ว่าฯ ที่นั่น และยังเคยแวะซื้อส้มโอ”ทับทิมสยาม”ที่สวนของครอบครัวกุลคงด้วย ยืนยันว่าเข้าใจถึงจิตใจของผู้ที่ถูกตามล่า

“ทางครอบครัวก็บอกว่าอยากอยู่ที่นี่ไปก่อน เลยมีการพาไปซื้อข้าวซื้อของใช้เพื่อกินอยู่ชั่วคราวที่ค่ายทหาร ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชได้เดินทางมาก็ยืนยันกับครอบครัวนี้แล้วว่าสามารถจับคนร้ายได้แน่ ไม่ต้องห่วงไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังไม่มีการช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น คิดว่าจะต้องมีการคัดค้านประกันตัว เป็นเรื่องที่มีการก่ออาชญากรรมเกิดขึ้น” นายศิริพัฒ กล่าว

Advertisement

นายศิริพัฒกล่าวว่า ทางตำรวจต้องจับตัวให้ได้ แม้จะเป็นผู้ถูกกล่าวหาอะไรก็ตาม เมื่อมีการกระทำให้เกิดการบาดเจ็บกันขึ้นแล้ว ไม่ใช่เรื่องอาฆาตกันเฉยๆ แล้วก็มีพยานเยอะ จึงขอฝากถึงพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนไทยช่วยกัน ไม่ใช่ว่าคนตรังช่วยนครศรีฯ เราถือว่าเป็นเรื่องของมนุษยธรรม

ด้าน พล.ต.ต.วันไชย เอกภรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ปากพนัง ได้เข้าเจรจาให้นายสำเร็จและครอบครัว 7 ชีวิต กลับไปยังภูมิลำเนาจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี พ.อ.พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์จังหวัดตรัง พ.อ.สุริยา ช่วยบำรุง ตัวแทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง นายณัฐวุฒิ สังข์สุข ป้องกันจังหวัดตรัง และร.อ.นิพนธ์ สุขศรีราช หัวหน้าชุดรักษาความสงบ ร.15 พัน 4 ร่วมหารือ

พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาศาลจังหวัดปากพนัง ได้อนุมัติหมายจับนายวิรัตน์ สุขแสง หรือโกรัตน์แล้ว ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำร้ายร่างกาย และกระทำความรุนแรงในครอบครัว พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ปิดเส้นทางหลบหนี เข้าใจว่ายังคงอยู่ในพื้นที่ และมีความพยายามที่จะขอเข้ามอบตัว แต่อาจจะมีเหตุผลส่วนตัวบางประการ จึงยังไม่ออกมามอบตัว

“นายวิรัตน์ ติดยาเสพติดอย่างรุนแรง ยืนยันปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งในครอบครัว เบื้องต้นทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกายเท่านั้น ทาง สภ.ปากพนัง ดำเนินการไปตามกรอบอำนาจ พร้อมให้ส่งพนักงานสอบสวนและนักจิตวิทยา มาร่วมสอบปากคำทั้ง 7 ชีวิต และจะทำสำนวนเพิ่มเติม ด้วยการเพิ่มข้อหาพยายามฆ่าเข้าไปด้วย จากเดิมที่ตั้งหาแค่ครอบครองอาวุธปืน และทำร้ายร่างกาย จะเร่งจับกุมผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็วที่สุด ทราบว่าเจ้าตัวยังอยู่ในพื้นที่ แต่ปิดโทรศัพท์มือถือไปแล้ว แต่สามารถตรวจสอบสัญญาณได้ ไม่มีปัญหา”

“ผู้ต้องหาได้ติดต่อมายังพ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ปากพนัง ว่าจะมามอบตัว แต่ไม่มา ได้ตั้งชุดติดตามอยู่แล้ว ส่วนที่ผมเคยพูดว่าจะรับตัวทั้งหมดกลับไปดูแลที่ จ.นครศรีธรรมราชนั้น ได้มาเจอกันแล้วก็คุยแต่ขอให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เสียหาย แต่ได้ประสานมณฑลทหารบกที่ 41 จ.นครศรีธรรมราช ไว้พร้อมให้ที่พักพิง หรือจะเป็นภายในบ้านพักรับรองของกองบังคับการ ตร.ภูธรนครศรีธรรมราชก็ปลอดภัย แต่ให้ทางผู้เสียหายตัดสินใจและสบายใจ ทางตำรวจจะเร่งจับกุมผู้ต้องหาให้เร็วที่สุด” พล.ต.ต.วันไชย กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ปากพนัง กล่าวว่า ทางตำรวจได้ออกหมายเรียกไป 2 ครั้ง แต่นายวิรัตน์ไม่ยอมมามอบตัวจึงได้ขออนุมัติออกหมายจับต่อศาลปากพนัง ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ส่วนที่ภรรยานายวิรัตน์อ้างว่าสามีติดยาเสพติดนั้น ต้องควบคุมตัวนายวิรัตน์ให้ได้ก่อน แล้วนำมาตรวจหาสารเสพติด หากพบจะดำเนินการตามกฎหมาย เช่นเดียวกับเรื่องอาวุธปืน ยังไม่สามารถเข้าตรวจค้นบ้านนายวิรัตน์ได้เพราะไม่มีใครอยู่ที่บ้าน

ต่อข้อถามมีความเชื่อมั่นอย่างไรว่าจะจับกุมนายวิรัตน์ได้ พ.ต.อ.วสันต์ กล่าวว่า ต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ชุดติดตามจับกุมนายวิรัตน์ เราทำงานร่วมกับหลายฝ่าย ทั้งทหาร ปกครอง และตำรวจ ส่งสายสืบลงทุกพื้นที่เป้าหมาย และชุดสืบสวนก็ทำงานร่วมกัน

ด้านนางกมลทิพย์ ภรรยาของโกรัตน์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า ทางผู้การฯวันไชยชวนให้กลับบ้าน จะรับรองความปลอดภัยให้แต่ยังยืนยันไม่กลับไปเด็ดขาด ขอให้จับผู้ต้องหาหรือสามีให้ได้ก่อน อยากให้คัดค้านการประกันตัว โดยผู้การฯยืนยันจะจับให้ได้ภายใน 5 วัน

ด้าน พ.อ.พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์จังหวัดตรัง ได้ยืนยันให้ความสบายกับผู้เสียหายว่า จะให้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่จนกว่าทุกคนจะสบายใจ และขอให้มั่นใจในความปลอดภัย

รายงานข่าวเผยว่า ส้มโอทับทิมสยามของสวนผลไม้ของนายสำเร็จ กุลคงที่ต้องหอบครอบครัวและลูกหลานหนีตายมาที่ จ.ตรังนั้น จัดเป็นส้มโอที่มีชื่อเสียงที่สุดในแหล่งลุ่มน้ำปากพนัง โดยนายสำเร็จที่มีนายวิรัตน์หรือโกรัตน์ ลูกเขย ร่วมกันทำธุรกิจส่งขายส้มโอจนมีรายได้นับปีละหลายล้านบาท มีเกษตรกรหลายรายในพื้นที่ดังกล่าวต่างทำสวนส้มโอพันธุ์ดังกล่าวด้วย แต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอ โดยมีการส่งจำหน่ายใน 5 ประเทศ ได้แก่ จีน เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซียและฮ่องกง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image