‘บิ๊กโจ๊ก’ คลี่คลายปมเกาะเต่า ไม่พบเหตุแหม่มถูกข่มขืน โฮสเทลอ้างแหม่มเสียใจ มีอะไรกับเพื่อนชาย ทั้งที่มีแฟนแล้ว (คลิป)

‘บิ๊กโจ๊ก’ ยันไม่มีเหตุการณ์ข่มขืนแหม่มสาวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าตามที่แจ้งมา แต่พร้อมให้แหม่มสาวนำหลักฐานและมาให้ปากคำเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา แต่ถ้าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นจริง คนที่เผยแพร่เรื่องจนทำให้เสียชื่อประเทศ-เกาะเต่า ต้องรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 ส.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ร่วมกับ พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รอง ผบช.สพฐ. พ.อ.พิรุณ นยโกวิทย์ ผบ.ศปภอ.ทบ.4 และพ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เกาะเต่า สภ.เกาะพะงัน ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางลงพื้นที่บริเวณหาดทรายรี ม.3 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนายไชยันต์ ธุระสกุล นายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า นายกอบชัย เสาวลักษณ์ กำนันตำบลเกาะเต่า ร่วมตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุตามที่ น.ส.อิสเบลล่า วิคตอเรีย แบคเตอร์ อายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษที่อ้างว่ากลางดึกของคืนนที่ 26 มิ.ย. 2561 ได้ถูกชายแปลกหน้ามอมยาเเละถูกข่มขืนที่ชายหาดทรายรี

โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปรีดี รอง ผบช.สพฐ. เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาสอบถามความคืบหน้าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ก่อนจะลงเดินชายหาดจากแหลมหินจปร. หาดทรายรี เป็นจุดที่ น.ส.อิสเบลล่า บอกว่า ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกข่มขืน เพื่อดูสถานที่และสภาพแวดล้อม ก่อนจะเดินย้อนไปยังบาร์ที่แหม่มสาวรายนี้เข้าไปดื่มกิน ซึ่งการเดินตรวจสอบครั้งนี้ ได้มีนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนบริเวณริมชายหาดให้ความสนใจ และโบกมือทักทายจำนวนมาก

ด้าน พล.ต.ต.ปรีดี รอง ผบช.สพฐ. กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ในครั้งแรกครั้งนี้ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุและคอยสนับสนุนให้กับตำรวจในพื้นที่ รวมถึงว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามการปฏิบัติหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เต็มรูปแบบนั้น ก็คงจะมีเพิ่มเติมเมื่อผู้เสียหายนั้นกลับมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม จึงจะมีความชัดเจนขึ้นทั้งในส่วนของสถานที่เกิดเหตุและในส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญเสื้อผ้าตามที่ข้อมูลข่าวที่นำเสนอมาว่ามีดีเอ็นเอของคนร้ายติดอยู่ ซึ่งถ้าผู้เสียหายนำวัตถุพยานชิ้นสำคัญนี้กลับมาด้วยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่องานพิสูจน์หลักฐาน ก็จะได้ไขข้อกระจ่างและเป็นข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวน

Advertisement

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ รองผบช.ทท. กล่าวว่า ตั้งแต่ทราบเหตุก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งในเรื่องสืบสวนสอบสวน วัตถุพยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยบริเวณที่กล่าวอ้าง จุดที่นักท่องเที่ยวมาดื่มกิน หรือที่พัก รวมถึงการตรวจสอบไล่เรียงเรื่องการรับคดีทั้งหมด ทั้งนี้เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ภัทรา แจ้มตระกูล เจ้าของไฮฟ์โฮสเทล พยาน มาให้การว่า พบเห็นนางสาวอิสเบลล่า อายุ 19 ปี ชาวอังกฤษ ร้องไห้อยู่ที่โรงแรม จึงได้เข้าไปสอบถาม น.ส.อิสเบลล่า บอกว่าเสียใจที่ได้ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับนายมาติน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เพื่อนชายที่เดินทางมาเที่ยวด้วยกันรวม 5 คน และพักอยู่ห้องเดียวกัน รู้สึกเสียใจเพราะตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว

ตอนนี้สรุปจากเหตุการณ์ทั้งหมด จากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จากการบันทึกปากคำของพยาน จากร่องรอยสารต่างๆ วันนี้ยังไม่พบเลยว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวตามที่น.ส.อิสเบลล่า แจ้งมา ไม่พบว่ามีการข่มขืน การวางยาเกิดขึ้น ตามหลักฐานที่มีอยู่ ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งการมาว่าให้ทำหลักฐานให้ปรากฏ ถ้าตำรวจไม่รับแจ้งความให้ดำเนินการทางอาญาและวินัย ไม่มีการช่วยกัน แต่ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นจริง คนที่ไปพูดไปกล่าวหา ต้องรับผิดชอบต่อประเทศชาติบ้านเมืองในเรื่องการแจ้งความเท็จ แต่การเอาเรื่องราวไปลงในเพจต่างๆ หากไม่ใช่ความจริงก็มีความผิดในการนำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษสุงสุด 5 ปี คนที่ชมแล้วแชร์ ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าผู้เสียหายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนและเอาหลักฐานมาแจ้งความ และนำหลักฐานใหม่อื่นๆ มาแสดงว่ามีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น มีการข่มขืนกระทำชำเราเกิดขึ้นจริง เราจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image