จากกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยทานโทษถึงสำนักพระราชวัง สั่งตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงภายใน 15 วันเพื่อหาหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบดูแลที่ดินบนช่องกระจก ภายหลังต้นศรีมหาโพธิ์อายุ 60 ปี บริเวณจุดชมวิวด้านทิศตะวันออกด้านหลังป้ายแสดงประวัติที่มีพระนามาภิไธยย่อ ภปร.และ สก. บนเขาช่องกระจก ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ถูกเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวิหารตัดโค่นถอนรากถอนโคน สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลูก เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นเขาช่องกระจก วันที่ 12 มิถุนายน 2501
วันที่ 7 กันยายน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเรื่อง เปิดเผยว่า จากการติดตามปัญหาจากการตัดโค่นต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกบนเขาช่องกระจก ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าหลังจากสมาคมฯทำหนังสือสอบถามถึงผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัดแต่ไม่มีความชัดเจน เท่าที่ควร หลายหน่วยงานพยายามประวิงเวลาให้ยืดเยื้อ ทั้งที่ควรมีข้อสรุปโดยเร็วไม่ให้มีผลกระทบกับจิตใจและความรู้สึกของประชาชน คาดว่าน่าจะใช้เวลาสอบสวนเกิน 15 วัน ทั้งที่ข้อมูลไม่มีความซับซ้อน แต่สาเหตุที่ไม่ต้องการสรุปเร็ว เนื่องจากไม่ต้องการเร่งรัดเนินการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายที่เป็นพระระดับราชาคณะและหน่วยงานรัฐที่มีความบกพร่อง ทั้งการตัดโค่นต้นไม้ในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติ (พรบ.) ป่าไม้ พ.ศ. 2484 การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ลาดชันเกิน 35 องศา การใช้งบประมาณแผ่นดินของรัฐทำการก่อสร้างปรับปรุงภูมิทัศน์บนเขาช่องกระจกกว่า 70 ล้านบาท โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานใด
“เพื่อให้มีความชัดเจนจากกรณีพระราชสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าอาวาสวัดธรรมมิการามวรวิหาร ยอมรับว่าใช้อำนาจโดยพละการสั่งการให้มีการตัดโค่น ไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานใดรับทราบล่วงหน้า อ้างว่าต้นไม้ยืนต้นตาย ดังนั้นเพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนตามหลักวิชาการ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์สั่งตั้งคณะกรรมการจากทุกฝ่ายเพื่อสอบหาข้อเท็จจริงว่าต้นไม้ยืนต้นตายตามที่เจ้าอาวาสกล่าวอ้างหรือไม่ หรือ มีสาเหตุมาจากปัจจัยด้านอื่น เช่น การทำโครงการก่อสร้างของสำนักงานโยธาธิการจังหวัดมีการฉาบปูนปิดทับรากต้นศรีมหาโพธิ์หรือไม่ ก่อนการออกแบบก่อสีร้างได้ศึกษาผลกระทบไว้อย่างไร”
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญที่ผ่านมามีหน่วยงานในจังหวัดหน่วยใด มีหลักฐานอ้างอิงร่วมกับวัดว่าได้ทำนุบำรุงรักษาต้นไม้ทรงปลูกหรือไม่อย่างไร และต้องรับฟังข้อเสนอจากนักวิชาการป่าไม้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อนำรากไปฟื้นฟู และเร็วๆนี้หากเจ้าหน้าที่สามารถฟื้นฟูให้งอกใหม่ได้เจ้าอาวาสจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นอกเหนือจากความผิดทางกฎหมาย ผมจะไม่ปล่อยให้ลอยนวลเยี่ยงอย่าง ทุกฝ่ายต้องมีคำตอบให้สังคมสาธารณะได้รับความกระจ่างทุกมิติปราศจากข้อสงสัย
