จากกรณีการรถไฟแห่งประเทศไทยเตรียมก่อสร้างรถไฟทางคู่สายนครปฐม-หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข้ามแม่น้ำแม่กลองขนาบไปกับสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ ผ่านกลางใจเมืองราชบุรี พร้อมกับมีข้อมูลพบระเบิดที่ยังไม่ทำงานพร้อมด้วยหัวรถจักรยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จมอยู่ใต้น้ำนั้น ล่าสุดมีรายงานว่ารัฐบาลเล็งเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องกู้วัตถุระเบิดรวมถึงหัวรถจักรไอน้ำขึ้นมาด้วย ด้านนักวิชาการเชื่อว่าเป็นหัวรถจักรไอน้ำของญี่ปุ่น
พันเอกสุชาติ จันทรวงศ์ สถาบันราชบุรีศึกษาราชบุรี ระบุว่าจากหลักฐานที่รวบรวมข้อมูลไว้ หลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้สิ้นสุดสงครามโลก ปี พ.ศ.2487 หัวรถจักรไอน้ำที่ทหารญี่ปุ่นนำมาใช้ในสมัยนั้น คือ หัวรถจักรขนาดเล็ก “รุ่น C5615 (JAPAN)” ส่วนเอนยินหัวรถจักรหนัก 37.6 ตัน รถลำเลียง 27 ตัน และหัวรถจักรขนาดเล็ก “รุ่น P-CLASS” ส่วนเอนยินหัวรถจักร 49 ตัน รถลำเลียง 27 ตัน ส่วนเลขรถอาจจะเป็น 713 หรือ 715 ก็ประมาณการว่า 2 รุ่นนี้มีใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่จะเป็นรุ่นใดรุ่นหนึ่งนั้น ต้องคอยติดตามดูกัน
ทั้งนี้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กลุ่มทหารสัมพันธมิตรได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดเพื่อตัดเส้นทางการลำเลียงของทหารญี่ปุ่น จึงได้ทิ้งระเบิดสะพานจุฬาลงกรณ์จนสะพานได้รับความเสียหาย แต่ยังมีการค้นพบระเบิดไม่ต่ำกว่า 4 ลูกที่ยังไม่ทำงานจมอยู่ใต้น้ำ จากข้อมูลของนักดำน้ำหาปลาหากุ้ง และงมหาของเก่าใต้น้ำออกมายืนยันว่าพบจริง
ขณะเดียวกันระหว่างการสร้างสะพานไม้เป็นทางเบี่ยงเดินรถไฟของทหารญี่ปุ่นในสมัยนั้น หลังสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดสะพานพังเสียหายไปแล้ว ก็ได้ใช้สะพานไม้ทำเป็นทางเบี่ยงนำหัวรถจักรไอน้ำมาทดลองวิ่ง ปรากฏว่าหัวรถจักรได้ตกลงไปจมในแม่น้ำแม่กลองนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เมื่อทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจะมีการก่อสร้างรถไฟรางคู่ และต้องผ่านจุดระเบิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงจำเป็นต้องกู้ขึ้นเพื่อความปลอดภัย และใช้โอกาสนี้กู้หัวรถจักรไอน้ำที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมาด้วย ตามแผนนโยบายรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างมีการประชุมปรึกษาหารือ ร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งทางจังหวัด ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชน เพื่อลงน้ำสำรวจจุดเป้าหมายที่คาดว่ามีระเบิดและหัวรถจักรกันอีกครั้งในช่วงที่น้ำลงประมาณปลายปีนี้
