เขื่อนศรีนครินทร์เตรียมระบายน้ำ 32 ล้าน ลบ.ม. สูงสุดรอบ 37 ปี ดีเดย์พรุ่งนี้วันแรก

เขื่อนศรีนครินทร์ เตรียมระบายน้ำ 32 ล้าน ลบ.ม. สูงสุดในรอบ 37 ปี เผยเพิ่มแบบขั้นบันไดวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. คาดลุ่มน้ำแควใหญ่สูงขึ้นอีก 30-40 ซม. ขณะที่เขื่อนท่าทุ่งนา ระบายผ่าน Sand Flush Gate จาก 6 ล้าน เพิ่มเป็น 10 ล้าน ลบ.ม.

วันที่ 13 ก.ย. นายประเสริฐ อินทับ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ (อขศ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ 176.44 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ปริมาณที่กักเก็บ 16,290.50 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 91.80% ของปริมาณกักเก็บปกติ มากกว่าเกณฑ์ควบคุม (URC) 0.07 ม. โดยวันนี้มีแผนการระบายน้ำ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งวานนี้ (12 ก.ย.61) มีน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ 31.17 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ระดับ 176.44 ม.รทก. เพิ่มขึ้นจากวันที่ 11 กันยายน 2561 (176.43 ม.รทก.) 1 เซนติเมตร โดยมีการระบายน้ำตามแผนการระบายน้ำ 26.21 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเขื่อนศรีนครินทร์ยังมีพื้นที่รับน้ำได้อีก 1,454.59 ล้านลูกบาศก์เมตร (8.20%) สำหรับเขื่อนท่าทุ่งนา ได้ระบายน้ำสอดคล้องกับแผนระบายน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ คือ ระบายน้ำวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. โดยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อตัวเขื่อนเช่นเดียวกัน

ด้านนายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ (อขว.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 153.67 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในเขื่อน 8,352 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 94% มากกว่าเกณฑ์ควบคุม (URC) 1.20 ม. โดยวานนี้ (12 ก.ย.61) มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ 28.57 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ระดับ 153.78 ม.รทก. ซึ่งเมื่อเทียบกับวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาพบว่า ระดับน้ำในอ่างฯ ลดลง 0.08 ม.รทก. ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณยังสามารถรับน้ำได้อีก 497 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 5.6% และได้มีการระบายน้ำออกตามแผนการระบายน้ำ 57.78 ล้านลูกบาศก์เมตร (รวมระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ 15.86 ล้าน ลบ.ม.แล้ว)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่เขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้ทำการปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนท่าทุ่งนาอีกวันละ 6 ล้าน ลบ.ม. จากเดิมระบายวันละ 22 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่วันที่ 7-13 กันยายน 2561 และในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.61) จะทำการปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 28 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 32 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ไปจนถึง 30 กันยายน 2561 ซึ่งถือเป็นการระบายน้ำในปริมาณที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เขื่อนฯ เปิดใช้งานมาในรอบ 37 ปี เนื่องจากต้องเตรียมรองรับปริมาณน้ำที่จะเข้ามาตามฤดูฝนในอีก 1-2 เดือนนี้

Advertisement

ซึ่งเขื่อนท่าทุ่งนา ได้ระบายน้ำสอดคล้องกับแผนระบายน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ โดยปัจจุบันระบายน้ำวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. (324 ลบ.ม.ต่อวินาที) โดยระบายผ่านช่องทางปกติ 22 ล้าน ลบ.ม. (255 ลบ.ม.ต่อวินาที ผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีอยู่ จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งเต็มกำลังการผลิตแล้ว) และระบายผ่าน Sand Flush Gate (ตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับทางระบายน้ำล้น (Spillway)) อีกจำนวน 6 ล้าน ลบ.ม. (69 ลบ.ม.ต่อวินาที) โดยได้ทำการยกประตูดังกล่าวขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร แต่ยังไม่ได้ระบายผ่านสปิลเวย์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 บานแต่อย่างใด และในวันพรุ่งนี้ที่เขื่อนศรีนครินทร์จะปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีกวันละ 4 ล้าน ลบ.ม. ทางเขื่อนท่าทุ่งนาก็จะทำการยกประตู Sand Flush Gate ขึ้นจากระดับเดิมอีกประมาณ 35-40 เซนติเมตร ซึ่งจะทำให้สามารถระบายน้ำได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 ล้าน ลบ.ม. เป็น 10 ล้าน ลบ.ม. รวมเป็นวันละ 32 ล้าน ลบ.ม. ตามแผนการระบายน้ำที่ได้กำหนดไว้

โดยจะทำการปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. จากเดิม 28 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และไต่ระดับจนไปอยู่ที่ 32 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อลดผลกระทบทางด้านท้ายน้ำให้น้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำหลาก (Side flow) จากลำน้ำสาขาไหลลงมาสู่แม่น้ำแควใหญ่ และการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนแม่กลองด้วย ซึ่งจากการคำนวณคาดการณ์ว่าระดับน้ำในลำน้ำแควใหญ่จะเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 30-40 เซนติเมตร

ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำแควใหญ่ โดยภาพรวมระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างช้าๆ ซึ่งเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถานี K.35 A บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่น้ำจะล้นตลิ่งเช่นกัน ประกอบกับมีลำน้ำสาขาจากลำห้วยลำตะเพิน ไหลมาสมทบ ส่งผลให้ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ 5.38 เมตร (ระดับตลิ่ง 5.50 ม.) ซึ่งใกล้จะล้นตลิ่ง แต่ยังคงต่ำกว่าตลิ่ง -0.12 เมตร ขณะนี้มีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำตามแนวตลิ่งเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังเรื่องระดับน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เขื่อนศรีนครินทร์จะปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนท่าทุ่งนาเป็น 32 ล้าน ลบ.ม.ในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก

Advertisement

สำหรับระยะทางและระยะเวลาการเดินทางของน้ำที่ไหลจากเขื่อนศรีนครินทร์ไปตามลำน้ำแควใหญ่ไปจนถึงอำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งมีสถานีโทรมาตร กฟผ. 2 สถานี รวมระยะทางทางน้ำประมาณ 84.7 กม. โดยเขื่อนท่าทุ่งนา บ้านท่าทุ่งนา หมู่ที่ 1 ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมืองกาญจนบุรี มีระยะทางทางน้ำประมาณ 27 กม. จากเขื่อน และสถานี TD 05 บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี มีระยะทางทางน้ำประมาณ 68.6 กม. จากเขื่อน และห่างจากเขื่อนท่าทุ่งนา 41.6 กม. TD 04 ท่าน้ำวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ต.บ้านใต้ อ.เมืองกาญจนบุรี มีระยะทางทางน้ำประมาณ 84.7 กม. จากเขื่อน โดยห่างจากสถานีบ้านหนองบัว 16.08 กม. และห่างจากเขื่อนท่าทุ่งนา 57.7 กม.

ซึ่งจากการคำนวณมวลน้ำก้อนแรกจะใช้เวลาเดินทางไปถึงตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 14 ชม. โดยจากเขื่อนศรีฯ ไปถึงเขื่อนท่าทุ่งนา ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. และจากเขื่อนท่าทุ่งนา ไปถึงตัวเมืองกาญจนบุรี จะใช้เวลาประมาณ 9 ชม. ซึ่งทางจังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งเตือนผู้ประกอบการและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำในเขตอำเภอเมือง อำเภอท่าม่วง และอำเภอท่ามะกา ให้เฝ้าระวังปริมาณน้ำริมตลิ่งในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำแควน้อย โดยภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้นทั้งเหนือเขื่อนและท้ายน้ำ เนื่องจากปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างน้อยลง ประกอบกับฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อยทรงตัว และบางจุดลดลงบ้างเล็กน้อย ซึ่งเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถานีวัดระดับน้ำในลำน้ำแควน้อย ที่สถานี K.10 บ้านลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่น้ำจะล้นตลิ่ง ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ 9.26 เมตร (ระดับตลิ่ง 10.30 ม.) ยังคงต่ำกว่าตลิ่ง -1.04 เมตร ซึ่งพบว่า ลดลงอีกเล็กน้อย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image