เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 มกราคม นายอนุศักดิ์ แสงทิพย์ และนายอนุสรณ์ แสงทิพย์ บิดาและพี่ชายของนายเสริมทรัพย์ แสงทิพย์ ได้ร้องสื่อมวลชนหลังไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีนายเสริมทรัพย์ นักเรียนแผนกช่างยนต์ของโรงเรียนเซนต์จอห์นลาดพร้าว บุตรชายของนายอนุศักดิ์และน้องชายของนายอนุสรณ์ ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์คาวาซากิ รุ่น KSR สีแดงดำ ทะเบียน 1 กค 1147 สุพรรณบุรี ได้รับอุบัติเหตุถูกรถบรรทุก 18 ล้อ ทะเบียน 95-8664 กรุงเทพมหานคร หัวขับ ส่วนทะเบียนพ่วงท้าย 95-7851 กรุงเทพมหานคร มีนายสุบิน มาลัยทอง เป็นพนักงานขับรถบรรทุกของบริษัท นำเฮงคอนกรีต เป็นผู้ขับขี่ได้ขับเฉี่ยวทับช่วงท้องและขาขวาบนถนนงามวงศ์วานมุ่งหน้าสี่แยกแคราย เยื้องทางลงทางด่วนแยกแครายไปเล็กน้อย เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2558 เวลา 11.50 น.ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุรถบรรทุกคันดังกล่าวได้ขับเลยไปประมาณ 50 เมตร มีพลเมืองดีที่เกือบถูกเบียดไปด้วยได้ขับรถกระบะสกัดรถบรรทุกไว้ได้ พร้อมกันนั้นได้มีพลเมืองดีเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ได้ขี่รถ จยย.ตามหลังมาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดลงไปช่วยเหลือและรีบโทรแจ้งเรียกรถพยาบาลโดยบุตรชายถูกทับได้รับบาดเจ็บสาหัสกระดูกอุ้งเชิงกรานหัก 2 ท่อน กล้ามเนื้อที่น่องขวาฉีกแตก ขาขวาบิดผิดรูป ท่อปัสสาวะฉีกขาด สมองบวม รูขับถ่ายอุจจาระฉีกขาดสาหัส ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
ขณะที่ในวันนี้ ทางบิดาและพี่ชายได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี (ย่อยรัตนาธิเบศร์) เพื่อนัดเจรจาตกลงเรื่องคดีความและความรับผิดชอบของบริษัทนำเฮงคอนกรีต และบริษัท แอกซ่า ประกันภัย จำกัด ที่ทางรถบรรทุก 18 ล้อได้ทำประกันภัยรถยนต์ไว้ หลังทางพี่ชายผู้เสียหายต้องเป็นคนนัดหมายกับทุกฝ่ายเอง ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.ท.นิพนธ์ พลสวัสดิ์ ร้อยเวรเจ้าของคดี นายสุบิน คนขับรถบรรทุก 18 ล้อ ของบริษัทนำเฮงคอนกรีต และทางเจ้าหน้าที่บริษัท แอกซ่า ประกันภัย
ต่อมาหลังจากการเจรจาเบื้องต้นทางบริษัท แอกซ่า ประกันภัย ยังคงปัดความรับผิดชอบไม่มีการรับผิดชอบค่าเสียหายเบื้องต้นใดๆ เลย เนื่องจากทางร้อยเวรเจ้าของคดีไม่ยอมชี้ผลหรือตัดสินความเบื้องต้นใดๆ ได้แต่สอบปากคำให้การของนายสุบิน คนขับรถบรรทุก 18 ล้อ ขณะเกิดเหตุ และคำให้การบิดาและพี่ชายของผู้เสียหายไว้พร้อมกับลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้นเป็นหลักฐานเท่านั้น
นายอนุสรณ์ได้กล่าวว่า การนัดเจรจาครั้งนี้เป็นการนัดครั้งแรกหลังอุบัติเหตุได้เกิดผ่านมาแล้ว 22 วัน ตนต้องเป็นคนประสานงานเองกับทุกฝ่ายไม่อย่างนั้นเรื่องคงเงียบหาย ทางร้อยเวรเจ้าของคดีบอกว่าต้องรอให้ทางน้องชายหายดีก่อนและให้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมเองที่สถานีตำรวจ ทั้งที่ทำไมทางร้อยเวรไม่เดินทางไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลเพราะน้องชายยังให้การได้ปกติ รอแบบนี้กว่าน้องชายจะหายดีคงอีกนาน คดีความก็ยืดออกไปอีก ทางตนและบิดาก็ประกอบอาชีพรับจ้างของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร หาเช้ากินค่ำทั่วไป ไหนจะบิดาต้องลางานออกมาคอยช่วยดูแลน้องชายที่ได้รับอุบัติเหตุอีก
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล นายอนุสรณ์กล่าวว่า เบื้องต้นทางครอบครัวต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาจ่ายไปก่อนส่วนหนึ่ง เนื่องจากทางบริษัท แอกซ่า ประกันภัย ที่ทางรถบรรทุก 18 ล้อได้ทำไว้ปัดความรับผิดชอบทั้งหมด และไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ ในด้านมนุษยธรรมเลย อ้างว่าต้องสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ และต้องให้ทางร้อยเวรเจ้าของคดีตัดสินเบื้องต้นก่อน และสุดท้ายให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลเอาเอง ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมและติดตามคดีในเรื่องนี้ พร้อมทั้งฝากทาง พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน ผกก.สภ.เมืองนนทบุรีให้ช่วยลงมาดูคดีนี้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย