วันที่ 25 เมษายน ความคืบหน้าการระดมค้นหานายประจิตร สายเสมา อายุ 69 ปี คนขับเรือหางยาวเล็กและนายชัยยุทธ ทิพย์ชิต อายุ 21 ปี นักประดาน้ำกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ที่จมน้ำสูญหายมาตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.59 ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา(เชี่ยวหลาน) อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ยังไม่พบตัว เนื่องจากมีอุปสรรคมากน้ำลึกกว่า 50 เมตรมีสภาพแรงดันอากาศสูง น้ำเย็นมีตะกอนขุ่น จนต้องยกเลิกไปก่อนนั้น ที่ท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลาน อ.บ้านตาขุน นายอวยชัย อินทร์นาค รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายสมปราชญ์ ปราบสงคราม นายอำเภอบ้านตาขุนและนายธนากร ตระบันพฤกษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี ได้ร่วมวางแผนการค้นหาผู้สูญหายเป็นวันที่ 3 โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานนักประดาน้ำจากชมรมนักดำน้ำอาสาเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน มาเสริมกับทีมนักดำน้ำจาก จ.ภูเก็ต ที่ออกค้นหาเมื่อวันที่ 24 เม.ย. จนถึงค่ำยังไม่พบ
ต่อมาเวลา 12.30 น.นายวงศศิริ พรหมชนะ ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุบริเวณโค้งหัวแหลม หน้าถ้ำจันทร์ ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา(เชี่ยวหลาน) ดูการค้นหาของทีมนักดำน้ำ จ.ภูเก็ต และให้กำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี และมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี
รายงานระบุว่า ทีมนักประดาน้ำที่ออกค้นหาผู้สูญหาย ต้องแบ่งเป็น 2 ชุดผลัดกันลงใต้น้ำ ชุดละ 4 คน เนื่องจากสภาพใต้น้ำมีความกดอากาศสูง โดยชุดแรกใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง ลงดำที่ระดับความลึก 45 เมตร มีอุณหภูมิ 20-20 องศา จากนั้นเปลี่ยนชุดที่ 2 ลงไปพบอุปสรรคระดับน้ำที่ 30 เมตรมีสภาพขุ่นมาก และต่อลงไประดับที่ 45 เมตร น้ำใสมีตะกอนมาก
นายวงศศิริ กล่าวว่า แผนปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจังหวัดได้ประสานขอความร่วมมือนักประดาน้ำที่มีความเชี่ยวชาญการดำน้ำลึกเป็นพิเศษจากชมรมนักดำน้ำอาสาเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด กว่า 20 คน โดยได้แบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนทั้งบนบกที่คอยอำนวยความสะดวก และทางน้ำที่นำทีมนักประดาน้ำจากเกาะเต่ามาสมทบกับทีม จ.ภูเก็ต รวมกว่า 40 คนพร้อมจัดชุดค้นหาบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ
“การค้นหา 2 ผู้สูญหายนั้นได้เน้นย้ำ ให้เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก และแม้ว่าการค้นหาจะเจออุปสรรรคหรือวันนี้การค้นหาไม่ประสบความสำเร็จก็จะดำเนินการค้นหาต่อไปจนกว่าจะพบ 2 ผู้สูญหายต่อไป” นายวงศศิริ กล่าว
ด้านนายทรงวุฒิ กว้องมิ้ง หรือครูก้อง หัวหน้าทีมนักประดาน้ำจาก จ.ภูเก็ต กล่าวว่า สภาพใต้น้ำแบ่งระดับเป็นชั้นๆ เมื่อดำไปถึงระดับ 30 เมตรน้ำจะขุ่น และเมื่อลงลึกไปอีกจะพบสภาพน้ำที่ใสและสามารถเดินหาในระดับน้ำ 55 เมตร อยู่ได้ประมาณ 45 นาที ซึ่งลักษณะพื้นใต้น้ำมีต้นไม้ล้มจำนวนมาก
“ปกติสภาพคนจมน้ำโดยทั่วไปใช้ 6 ชั่วโมงจะเริ่มลอยส่วนหัว(ศีรษะ)ขึ้นมาก่อน และเมื่อครบ 3 วันก็จะลอยขึ้นทั้งตัว แต่ด้วยสภาพน้ำภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา แตกต่างจากที่อื่นมีอุณหภูมิ 20-22 องศา อาจต้องใช้เวลาถึง 3 วันส่วนหัวจึงจะโผล่ และคาดว่าต้องใช้เวลา 6-7 วันจะลอยตัวขึ้นมาได้ ซึ่งขณะนี้เข้าวันที่ 3 แล้วหากยังไม่พบทีมของ จ.ภูเก็ต จะยกเลิกภารกิจก่อนและให้ทีมเกาะเต่ารับดำเนินการต่อไป ” นายทรงวุฒิ กล่าว