หน.อุทยานไทรโยค เตรียมให้ถ้อยคำพงส.คดีล่าหมีขอ จ่อแจ้งเพิ่ม 5 ข้อหา

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2561 ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี จับกุมตัวนายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย พร้อมพวกรวม 12 คน ผู้ต้องหาคดีล่าหมีขอในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค เหตุเกิดวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายตาต้า ชาวเมียนมา ผู้ดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำ ผู้ยิงหมีขอ เพิ่มอีก 1 คน ซึ่งให้การซัดทอดว่า นายอนุสรณ์ เรือนงาม หรือ อส.ออย และ นายสกานต์ แก่งหลวง เจ้าหน้าที่ อส.อำเภอด่านมะขามเตี้ย เป็นผู้สั่งการให้ยิงนั้น
ล่าสุด นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยว่า ตนในฐานะผู้เสียหาย และ น.ส.เนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ในฐานะพยาน จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในบางประเด็น ในช่วงบ่ายวันที่ 16 ตุลาคม 2561 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนและ พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูน รอง ผบช.ภาค 7 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณป่าเขาพลู หมู่ที่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย และภายในอุทยานแห่งชาติไทรโยคอีกครั้ง เพื่อเก็บหาหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งส่วนหัวกะโหลกหมีขอ ตามที่นายตาต้า ให้การว่าโยนทิ้งในลำห้วยหลังที่ตั้งแคมป์ แต่ ไม่พบพยานวัตถุเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนหลักฐานที่เก็บได้ก่อนหน้านี้ 11 รายการ ได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาดว่าประมาณ 3 สัปดาห์จะทราบผล“จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่พบสามารถชี้ชัดได้ว่า กลุ่มผู้ต้องหาตั้งใจเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานฯตั้งแต่แรก และเพื่อความชัดเจนจะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อยืนยันอีกครั้ง” นายพนัชกร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้ง 13 คน นอกจากอุทยานฯแจ้งความดำเนินคดี 12 ข้อหาแล้ว ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีเพิ่มในเรื่องเกี่ยวกับอาวุธปืนอีก 5 ข้อหา ส่วนนายเจนระ หรือ จีระ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี ตามที่นายตาต้า ให้การซัดทอดว่า เป็นผู้ร่วมชำแหละหมีขอ ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ สันนิษฐานว่า นายเจนระ ไหวตัวหลบหนีไปพร้อมกับภรรยา โดยทั้งสองคนอาจจะใช้เส้นทางธรรมชาติข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เนื่องจากสำนักสงฆ์ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ชายแดน ซึ่งมีแนวเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ห่างเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image