เจ้าของวัววิ่งโร่แจ้งตำรวจจับมือยิงวัวตาย 9 ตัวกลางป่า

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายมะเซ็ง รอเฮง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ม.4 ต.โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส ได้นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบวัว จำนวน 9 ตัว ซึ่งเป็นเพศเมีย 5 ตัว เพศผู้ 4 ตัว ซึ่งอายุระหว่าง 4 -5 ปี ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเสียชีวิต นอนตายอยู่ภายในสวนปาล์มที่รกทึบ ซึ่งตั้งอยู่บ้านสาวอ ม.8 ต.โละจูด อ.แว้ง ที่เสียชีวิตมาแล้ว 6 วัน ที่อยู่ในสภาพเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งอบอวน แถมมีร่องรอยถูกกระสุนปืนลูกซองยิงที่บริเวณหน้าผากเป็นส่วนใหญ่ โดยนายมะเซ็ง ได้มาพบศพซากวัวเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 ต.ค.61 ที่ผ่านมา เนื่องจากวัวที่เลี้ยงจำนวน 30 ตัว ได้หากินกับวัวของเพื่อนบ้านที่เลี้ยงปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ อยู่ที่บริเวณจุดเกิดเหตุมานานกว่า 10 ปี โดยที่ไม่เคยมีเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้แล้วในระหว่างที่นายมะเซ็ง เจ้าของวัวได้นำผู้สื่อข่าวไปดูซากวัวยังสถานที่เกิดเหตุ ยังได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวทราบอีกด้วยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนก็ยังได้เดินตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว ซึ่งเจ้าของที่ดินได้ย้ายไปอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็พบว่าวัวที่ตนเลี้ยงก็ไม่ได้ไปกินต้นปาล์มเล็กๆที่ขึ้นอยู่ภายในสวน ถ้ามีคนโกธรแค้นตนก็ไม่ว่าอะไรวัวไปกินต้นไม้ของเขา แต่นี่โกธรแค้นอะไรถึงได้ยิงวัวตายเสีย 9 ตัว ตนรู้สึกสงสารวัวที่เลี้ยงไว้จับใจ และภายในหมู่บ้านเมื่อมีการจัดงานเลี้ยงทั้งที่มัสยิดหรือสถานที่ราชการต่างๆ ตนก็บริจาดวัวเป็นประจำในการสนับสนุนเพื่อเชือกไว้สำหรับทำเป็นอาหารเลี้ยงเลี้ยงแขก โดยวัวที่ถูกยิงตายในครั้งนี้คิดมูลค่าโดยภาพรวมตกประมาณ 250,000 บาท จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ลงมือก่อเหตุมาลงโทษ

ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยัง สภ.บูเกะตา อ.แว้ง เพื่อเข้าพบ ร.ต.ท.สุพจน์พงษ์ ช่วยดู รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี ซึ่งได้เรียกนายมะเซ็ง เจ้าของวัว มาทำการสอบสวนปากคำเพิ่มเติม ควบคู่กับการส่งปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 11 ปลอก และลูกกระสุนปืนลูกซอง 1 นัด ที่ตกอยู่ในจุดเกิดเหตุ ไปให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา เพื่อตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝง ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบผลภายในเวลา 1 เดือน ก่อนที่จะทยอยเรียกบุคคลที่อาศัยอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุมาให้ปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ก่อนที่จะแจ้งดำเนินคดีในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์หรือทำให้เสื่อมหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ปศุสัตว์ของผู้อื่น ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี และปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Advertisement

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีการแชร์ผ่านโลกโซเชียล ถึงการทารุณกรรมสัตว์ และได้มีพิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนานๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image