เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชน นักท่องเที่ยวจากพื้นที่ต่างๆ เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ และร่วมชื่นชมพิธีศักดิ์สิทธิ์ฟ้อนรำบูชาพระธาตุพนม โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำประกอบพิธีแห่เครื่องสักการะบูชา ก่อนนำมาประกอบพิธีถวายเครื่องสักการะบูชา เป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครพนม อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในได้มีการบรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่ปฏิบัติกันมาแต่โบราณในช่วงวันออกพรรษาของทุกปี ก่อนจะมีการประกวดไหลเรือไฟในช่วงเย็น
โดยหลังประกอบพิธีทางศาสนา ได้มีการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมรำบูชาพระธาตุพนมตามประเพณี ของสาวงามชนเผ่าต่างๆ รวมทั้งหมด 7 ชนเผ่า ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นครพนม ถวายเป็นพุทธบูชา ที่มีความสวยสดงดงาม อลังการ หาชมได้ยาก มีสาวงามนางรำจากชนเผ่าต่างๆ เข้าร่วมพิธีกว่า 500 คน ซึ่งจะมีการรำทั้งหมด 6 ชุด ประกอบด้วย ชุดฟ้อนรำตำนานพระธาตุพนม ของ อ.ธาตุพนม ชุดฟ้อนศรีโคตรบูร ของ อ.ปลาปาก อ.ศรีสงคราม ชุดฟ้อนผู้ไทย อ.เรณูนคร อ.บ้านแพง ชุดฟ้อนหางนกยูง อ.เมือง อ.นาทม ชุดฟ้อนไทญ้อ อ.ท่าอุเทน อ.นาหว้า และ อ.โพนสวรรค์ ชุดฟ้อนขันหมากเบ็ง อ.นาแก อ.วังยาง จากนั้นจะได้เปิดโอกาสให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ร่วมฟ้อนรำบวงสรวง สร้างความประทับใจต่อประชาชน นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเที่ยวชมร่วมพิธีเป็นอย่างมาก โดยชาวนครพนมเชื่อว่าหากได้มีการทำพิธีรำบูชาพระธาตุพนมในช่วงวันออกพรรษาทุกปี จะทำให้ประชาชนมีความสุข บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ร่มเย็นเป็นสุข
นอกจากนี้ ในช่วงภาคค่ำ ไฮไลต์ของงานบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงตลอดแนวถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม มีการจัดประกวดไหลเรือไฟของชาวบ้านจากทั้ง 12 อำเภอ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดสร้างขึ้น จำนวนทั้งหมด 14 ลำ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทความคิดสร้างสรรค์ และประเภทความสวยงาม โดยในปีนี้ถือเป็นพิเศษยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เนื่องจาก จ.นครพนมร่วมกับทุกภาคส่วนได้มีการจัดทำเรือไฟขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 232 ปี เมืองนครพนม รวมถึงการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดมา
