อาเหยื่อถูกพ่อข่มขืน แจงดราม่า! ถอนเงินบริจาค-ซื้อรถ เคลียร์ใจ”อ้อ-อ้อย”แฉมีมือที่3ป่วน

พัทธนันท์ ทาเงิน, ชลิดา วัฒนะ

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 ที่จ.สกลนคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าความคืบหน้ากรณีน้องเอ(นามสมมติ) ถู้กพ่อแท้ๆข่มขืนนาน 5 ปี ก่อนหลบหนีมาพักอาศัยกับอา ที่อ.เมือง จ.สกลนคร ก่อนมี 2 พลเมืองเข้าช่วยเหลือ เพื่อดำเนินคดีกับพ่อ ต่อมามีการเปิดบัญชีบริจาคเพื่อช่วยเหลือ ในชื่อน้องเอ และ อา โดยมีเพื่อนบ้านเป็นพยาน ส่งผลให้มีผู้บริจาคเงินช่วเหลือน้องเอจำนวนมาก โดยหวังต้องการให้ตั้งหลักได้ ล่าสุด เกิดกระแสดราม่าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสม และข้อกังขาในการใช้เงินบริจาคดังกล่าว หลังพบการเบิกเงินไปซื้อรถ และมีการโอนเงินบริจาคออกจากบัญชีเกือบหมด
ในเรื่องดังกล่าว อาของน้องเอ  ชี้แจงว่า การซื้อรถ เป็นการตัดสินใจของน้องเอเอง เนื่องจากรถคันเก่าของอาที่ยังใช้งานได้ดีจริง เป็นรถตอนเดียวนั่งได้ 2 คนเวลาเดินทางไปสถานีตำรวจทั้ง สภ.กุดบาก สภ.เมือง สำนักงานอัยการ หรือทำธุระอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับน้องเอ มีความลำบาก เสี่ยงอุบัติเหตุเนื่องจากน้องเอต้องไปนั่งท้ายกระบะหลังรถ ขณะที่มีผู้โดยสารเดินทางไปด้วย 5 คน รวมลูกของตนอีก 2 คน จึงตัดสินใจซื้อรถกระบะมือสองสภาพดี ที่มีแค็ปนั่งได้ 5 คน ในราคา 540,000 บาท ทำให้ยอดเงินบริจาคขณะนี้เหลือ 700,000 บาท ส่วนสาเหตุที่นำเงินบริจาคออกจากบัญชีที่เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีบุคคลที่ 3 พาไปเปิดบัญชี มาอ้างว่า 2 พลเมืองดีฝากมาขอเงินบริจาค ทำให้ตนรู้สึกคิดลบกับพลเมืองดีดังกล่าว เพราะขาดการติดต่อกันไประยะหนึ่ง
รวมทั้งบุคคลที่ 3 มาโน้มน้าวขอแบ่งเงินบริจาคเป็นประจำ โดยมักพูดกับแฟนของตนอยากชักชวนน้องเอไปทำงานที่พัทยา เพื่อมีสามีเป็นฝรั่ง ขอแลกบัญชีโดยจะออกเงินเพื่อดาวน์รถ 10 ล้อไว้ทำงานในราคา 200,000 บาท จึงต้องรีบนำเงินออกจากบัญชีน้องเอ เพื่อรักษาเงินไว้ โดยไม่มีเจตนาตามกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงมีกระแสข่าวน้องเอสมยอมกับพ่อนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะหากสมยอมทำไมต้องหนีมาหาตนหลายครั้ง เพราะทนไม่ได้จากการถูกข่มขืนและทุบตี
“อยากฝากสังคมเข้าใจด้วย เพราะเหมือนฟังความข้างเดียวกระทั่งกล่าวหา 2 พลเมืองดีที่มาช่วยน้องเอเพราะมีผลประโยชน์ ตอนนี้ได้พูดคุยกับทั้ง 2 พลเมืองดีจนทำความเข้าใจ และ ขอโทษสังคมในเรื่องที่ทำไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของผู้ใจบุญที่บริจาคโดยการซื้อรถก่อน ตอนนี้กำลังหาบ้านอยู่และจะใช้เงินให้คุ้มค่ามากที่สุด” อาของน้องเอ กล่าว
ด้าน “ชลิดา วัฒนะ” หรือ  และ “พัทธนันท์ อธิภูชนะชัย” หรืออ้อย  พลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือน้องเอ กล่าวว่าบัญชีเงินฝากที่เปิดมา ทราบว่าบุคคลที่ 3 โน้มน้าวให้อาและน้องเอไปเปิดบัญชีเองกัน 3 คน เมื่อเห็นชื่อแล้วยังตกใจว่าบุคคลดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร พยานควรเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่เมื่อมียอดบริจาคแล้ว ตนจึงขอเวลาไปทำงานส่วนตัว และห่างไปสักระยะ ตั้งใจจะติดต่อสอบถามความเป็นอยู่ในภายหลัง กระทั่งเกิดกระแสสังคมติติงการนำเงินบริจาคไปใช้และซื้อรถ
“ขอน้อมรับว่าเราไม่ได้ปรึกษากัน หากปรึกษากันก่อนจะให้ซื้อบ้านตามความจำเป็นแต่เมื่อเกิดไปแล้ว ต้องแก้ไขใหม่โดยจะหาบ้านที่หลุดจำนองสภาพดีในตัวเมืองที่เงินก่อนสุดท้ายเหลืออยู่จะทำได้ ระหว่างนี้กำลังช่วยหาให้ ทางอาน้องเอก็ไม่ได้นิ่งเฉยพยายามหาบ้านเช่นกัน แต่ที่ดินราคาสูง จึงกำชับว่าทุกบาททุกสตางค์จากนี้ไปภายหลังปิดบัญชีบริจาค ต้องใช้อย่างคุ้มค่าและกล่าวโทษบุคคลที่ 3 ไปแอบอ้างขอเงินจากน้องเอ ยอมไม่ได้เพราะเสียหายมาก ทำให้โดนกล่าวหาตั้งแต่ไปออกรายการข่าวว่าได้เงินอย่างนั้นอย่างนี้ เราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง น้องเอหลุดออกมาจากตรงนั้นแล้ว และอาจดำเนินการต่อไปในเรื่องคดีบุคคลที่ไปให้สัมภาษณ์จนน้องเอเสียหาย อยู่ระหว่างการปรึกษากันอยู่ ต้องขอโทษสังคมอีกครั้งกับการผิดพลาดหลายอย่างจากบุคคลที่ 3 เข้ามาปั่นป่วนจนอาและน้องเอต้องดึงเงินบริจาคมาฝากไว้ในบัญชีของน้องเอเอง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image