ขี้หมูเหม็นอบอวลนาน 6 ปี นักเรียนและชาวบ้านอีเซสุดทน หลังล้มป่วยระนาว

เมื่อค่ำวันที่ 7 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลอีเซ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.ศรีสะเกษ ได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ศรีสะเกษ สำนักงานปศุสัตว์ จ.ศรีสะเกษ ไปรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านอีเซ หมู่ 9 ต.อีเซ เนื่องจากทราบว่าชาวบ้านอีเซ และ ร.ร.บ้านอีเซ ได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของขี้หมูจากฟาร์มเลี้ยงหมูที่สร้างอยู่ติดกับชุมชนบ้านน้อยดงเมือง อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ ซึ่งมีฟาร์มหมูอยู่จำนวน 2 ฟาร์มด้วยกัน โดยฟาร์มแห่งแรกเลี้ยงหมู จำนวน 1,677 ตัว และฟาร์มที่ 2 เลี้ยงหมู จำนวน 580 ตัว ซึ่งบรรดาตัวแทนของชาวบ้านได้พากันแจ้งให้ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ฟาร์มสุกรทั้ง 2 แห่ง เริ่มเลี้ยงสุกรมาตั้งแต่ปี 2556 และได้มีกลิ่นเหม็นของขี้หมูโชยกลิ่นเข้าไปในหมู่บ้าน ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากกลิ่นขี้หมูเหม็นรุนแรงมาก โดยมี นายอนุสรณ์ แสงกล้า นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ พร้อมด้วย นายสุวรรณ โสดา นายก อบต.อีเซ นำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมาให้ข้อมูลความเดือดร้อนในครั้งนี้

นายวิฑูรย์ ผาสุก อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 9 ต.อีเซ ตัวแทนชาวบ้านอีเซ กล่าวว่า ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายของแต่ละวัน กลิ่นขี้หมูจะลอยมาตามลมเข้าไปในหมู่บ้าน ส่งผลให้ชาวบ้านต้องทนดมกลิ่นขี้หมูมานานหลายปี ซึ่งชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ดำรงธรรม อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ศรีสะเกษ และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จากนั้น อบต.อีเซ ได้สั่งให้เจ้าของฟาร์มหมูให้ปรับปรุงแก้ไขและไม่ต่อใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการดำเนินการต่อ ทำให้เกิดการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง และเจ้าของฟาร์มหมูสามารถชนะคดี จากนั้นได้มีการเลี้ยงหมูขึ้นมาอีก ตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และเกิดปัญหากลิ่นเหม็นเข้ามาในหมู่บ้านอีก ตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นมา ซึ่งกระทบต่อสุขภาพร่างกายของชาวบ้าน และสุขภาพย่ำแย่ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน วิงเวียนศีรษะจากกลิ่นเหม็นของขี้หมู ชาวบ้านหลายรายต้องถูกหามเข้า รพ.เนื่องจากทนกลิ่นเหม็นของขี้หมูไม่ไหว ทำให้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการประกอบอาชีพของชาวบ้านเป็นอย่างมาก พวกตนจึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจใช้กฎหมายคุ้มครองสุขภาพอนามัยของชาวบ้านอีเซที่ได้รับความเดือดร้อนจากขี้หมูอย่างหนักในขณะนี้ด้วย

ด.ญ.น้อย (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3 ร.ร.บ้านอีเซ กล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ตนมา ร.ร.กลิ่นเหม็นของขี้หมูจะรุนแรงมาก และในช่วงที่เข้าแถวเคารพธงชาติ กลิ่นขี้หมูจะโชยเข้ามาใน ร.ร.ตามกระแสลม ทำให้เด็กนักเรียนที่กำลังประกอบกิจกรรมได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและสมาธิในการเรียนหนังสือของนักเรียนต้องเสียไป ส่งผลให้การเรียนตกต่ำลง อีกทั้งในช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 ซึ่งเป็นช่วงที่พวกตนต้องพากันติวสอบโอเน็ต กลิ่นของขี้หมูจะลอยมาในโรงเรียนทำให้นักเรียนต้องพากันเอามือปิดจมูก หากเป็นไปได้อยากให้ครูย้ายโรงเรียนออกไปจากบริเวณนี้ เพราะว่าเหม็นขี้หมูมาก เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลต้องพากันเจ็บป่วย วิงเวียนศีรษะ อาเจียน จนทำให้ครูต้องรีบพาไปส่ง รพ.เพื่อให้แพทย์รักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยกลิ่นขี้หมูนี้เหม็นมานานหลายปีแล้ว

ต่อมา ผวจ.ศรีสะเกษ และคณะ ได้เดินทางไปที่ฟาร์มหมู จำนวน 2 ฟาร์ม ซึ่งเป็นฟาร์มของ น.ส.นภัสรดา โสดาพิสุทธิ์ อายุ 51 ปี และนางเพียร สุธาวัน อายุ 59 ปี ซึ่งเมื่อไปถึงเป็นเวลาประมาณ 19.30 น.พบว่า ฟาร์มทั้ง 2 แห่ง มีโรงเลี้ยงหมู จำนวนประมาณ 4 หลัง มีการเลี้ยงหมูรวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2,000 ตัว และมีกลิ่นขี้หมูเหม็นกระจายเกลื่อนไปทั่วบริเวณใกล้เคียง ซึ่ง ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เจรจากับ น.ส.นภัสรดา และนางเพียร เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

Advertisement

ผวจ.ศรีสะเกษกล่าวว่า การที่ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ เนื่องจากทราบข่าวจากโซเชียลว่าชาวบ้านอีเซได้รับความเดือดร้อนจากการเหม็นขี้หมู ดังนั้น จึงได้นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงมารับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่ต้องให้ชาวบ้านไปพบกับตนเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เมื่อทราบว่าชาวบ้านเดือดร้อน จึงได้ลงมาพบทันที และทราบว่าปัญหาขี้หมูเหม็นนี้มีมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว ตนจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะว่าเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน ถือว่าเป็นความทุกข์ของตนด้วย หากชาวบ้านทุกข์ ตนซึ่งเป็น ผวจ.ศรีสะเกษ จะมีความสุขได้อย่างไร

ผวจ.ศรีสะเกษกล่าวต่อไปว่า จากการที่ได้เจรจากับเจ้าของฟาร์มหมูแล้ว แจ้งให้ฟาร์มหมูทั้ง 2 ฟาร์ม เร่งแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นของขี้หมูโดยด่วนที่สุด โดยจะต้องทำการล้างคอกหมู จากเดิมวันละ 2 – 3 ครั้ง เพิ่มเป็นวันละ 4 – 5 ครั้ง รวมทั้งให้ใช้น้ำยาดับกลิ่นเหม็นให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยให้ทำทันที และสัปดาห์หน้านี้ ตนจะลงมาติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเองว่ามีการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ หากว่าเจ้าของฟาร์มหมูไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ตนจะบังคับใช้กฎหมายที่บัญญัติไว้ ซึ่งตนเห็นว่าหากฟาร์มหมูสามารถแก้ไขปัญหาได้ และชาวบ้านพอใจ เรื่องนี้ก็จะยุติได้ด้วยดี แต่หากว่าฟาร์มหมูไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ตนก็จะต้องยึดเอาความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นหลัก เพื่อแก้ไขปัญหาตามกฎหมายต่อไป

ทางด้าน น.ส.นภัสรดากล่าวว่า ขณะนี้ได้แก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นของขี้หมูอย่างเต็มที่ โดยจะทำการล้างคอกหมูในช่วงเช้าและช่วงบ่าย รวมทั้งใช้น้ำยาดับกลิ่นฉีดพ่นเพื่อดับกลิ่นของขี้หมูอย่างเต็มที่ แต่ว่าเมื่อยังมีกลิ่นขี้หมูไปรบกวนชาวบ้านและโรงเรียน ตนก็จะทำการล้างคอกหมูเพิ่มเป็น 3 – 4 ครั้งต่อวัน รวมทั้งจะใช้น้ำยาดับกลิ่นให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อระงับกลิ่นเหม็นของขี้หมูให้ได้ โดยตนจะทำทันที เพื่อไม่ให้ขี้หมูส่งกลิ่นไปรบกวนชาวบ้านได้อีกต่อไป

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image