ช็อก! ทหารติดเชื้อเอดส์ ใช้แอพพ์เกย์หลอกตุ๋ย ด.ช.กว่า 70 ราย

รวบทหารค่ายดังขอนแก่น ติดเชื้อเอชไอวี ข่มขืนเด็กชายอายุต่ำกว่า 15 ปี เกือบร้อยราย สารภาพสิ้นใช้แอพพลิเคชั่น “Blued” ใช้ภาพปลอมหลอกเหยื่อจนตายใจ ก่อนล่อลวงมาพูดคุยและข่มขืนกระทำชำเรา “บิ๊กโจ๊ก” สั่งตั้ง 6 ข้อหาหนักเอาผิดเต็มที่ พร้อมสั่งการ ปคม.เร่งสอบสวนเชื่อมโยงขบวนการค้ามนุษย์

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 8 พ.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รรท.ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.อธิศวิศ กมลรัตน์ รอง ผบก.ปคม.และ พ.ต.อ.สุวัฒน์ สมจิตร ผกก.สภ.น้ำพอง และ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจธรรม ผกก.1 บกทท.2 บก.ทท.ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ค่อมสิงห์ อายุ 43 ปี ทหารสังกัด กองพลทหารม้าที่ 3 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ จ.ขอนแก่น หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม.จับกุมตัวได้ภายในบ้านพักในเขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับของศาล มทบ.23 รวมทั้งหมด 6 ข้อกล่าวหา พร้อมของกลางรถเก๋งโตโยต้าอัลติส หมายเลขทะเบียน ภก 5567 กรุงเทพมหานคร โดยหน้ารถมีหมวก ป้ายชื่อ-ภาพถ่ายและเครื่องหมายทหารวางอยู่, โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, รถจักรยานยนต์ 1 คัน และแฟลชไดรฟ์

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากเด็กชายว่าถูกข้าราชการทหารข่มขืนกระทำชำเราภายในรถยนต์ ชุดสืบสวน ศปอส.ตร จึงประสานงานร่วมกับ บก.ปคม.ทำการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งทราบแน่ชัดว่าผู้ต้องหานั้นเป็นข้าราชการทหารในพื้นที่ขอนแก่น จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับจากศาลทหาร มทบ.23 จนนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ พฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ที่ปัจจุบันได้ให้ออกจากราชการแล้ว คือการใช้แอพพลิเคชั่น “Blued” ในการติดต่อพูดคุยกับเด็กชายที่มีอายุไม่ต่ำ 15 ปี ที่สามารถติดต่อพูดคุยกันทั่วทั้งประเทศ ก่อนชักชวนกันมาคุยในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “จักรกฤษณ์ ค่อมสิงห์” โดยมีเด็กผู้ชายวัยรุ่นหลงเชื่อและเข้ามาพูดคุยจำนวนมาก เนื่องจากผู้ต้องหาใช้ภาพในโปรไฟล์ที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี โดยในช่วงของการพูดคุยกันได้ให้เด็กชายที่คุยด้วยนั้นส่งภาพอวัยวะเพศ และภาพลามกอนาจารมาให้ โดยผู้ต้องหาเก็บภาพดังกล่าวไว้ทั้งหมด จากนั้นก็มีการนัดแนะเพื่อเจอตัวกัน ซึ่งเมื่อผู้เสียหายมาพบก็พบว่าไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในภาพตามที่ปรากฏในเฟซบุ๊ก

Advertisement

“ผู้เสียหายที่เป็นต้นเรื่องที่มีการร้องเรียนผ่าน ศปอส.ตร.นั้น ได้พบกับผู้ต้องหาในพื้นที่ อ.น้ำพอง โดยเมื่อมาพบกันและพบว่าไม่ใช่ผู้ชายตามที่ปรากฏในภาพ ก็ถูกผู้ต้องหาบังคับข่มขืนภายในรถ โดยอ้างว่าหากไม่ยินยอมจะนำภาพที่ส่งมาให้นั้นโพสต์แบล๊กเมล์และประจานผ่านสื่อ ขณะที่จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้นั้นติดเชื้อเอชไอวีมาตั้งแต่ปี 2552 โดยเข้ารับการรักษาเมื่อปี 2558 และเพิ่งย้ายมาประจำการที่ขอนแก่นได้เพียง 8 เดือนเท่านั้น”

พล.ต.ต.สุรเชรษฐ์กล่าวต่ออีกว่า จากการตรวจสอบยังคงพบว่าผู้ต้องหามีการจดบันทึกข้อมูลของผู้เสียหายที่ทำการข่มขืนกระทำเราไว้ด้วย โดยมียอดรวมของผู้ถูกกระทำรวม 75 ราย ในจำนวนนี้มีรายชื่อและที่อยู่ชัดเจนรวม 28 ราย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ บก.ปคม.ทำการสืบสวนสอบสวนร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะเพราะมีผู้เสียหายที่เป็นเด็กชาย อายุต่ำกว่า 15 ปี อยู่ในหลายจังหวัดทั่วทั้งประเทศ เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุมาตั้งแต่ประจำการอยู่ที่กรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บก.ปคม.ได้ประสานการทำงานร่วมกันกับทีมสหวิชาชีพในการตรวจสอบผู้เสียหายตามหลักสหวิชาชีพ เนื่องจากทั้งหมดเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี แต่ยังคงต้องขอความร่วมมือไปยังผู้ปกครองหรือผู้เสียหายในการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้เพิ่มเติม โดยสามารถมาที่ สภ.น้ำพอง หรือที่สถานีตำรวจทั่วทั้งประเทศเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายดังกล่าวนี้ที่เป็นภัยต่อสังคม

อย่างไรก็ตาม หลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหารวม 6 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วยประทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีขอตนเอง,กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม,พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม,โดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร,ข่มขืนผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนในนั้นเอง หรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนถูกผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และ บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่คมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image