ข้อมูลชัด ‘จ่าตั้มสายเปย์’ ตุ๋ยเด็กในพื้นที่น้ำพองมากกว่า 10 ราย จากเกือบร้อย

แฟ้มภาพ

ข้อมูลชัดเจน “จ่าตั้มสายเปย์” ตุ๋ยเด็กชายเฉพาะพื้นที่น้ำพอง มากกว่า 10 ราย จากทั้งหมดเกือบ 100 ราย ตำรวจวอนผู้เสียหายให้ความร่วมมือเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมและเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ที่ถูกต้อง

จากกรณีที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม.(รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.,ตำรวจท่องเที่ยว บช.ภ.4 และ บช.สตม. เข้าทำการจับกุม จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ค่อมสิงห์ หรือจ่าตั้ม อายุ 43 ปี อดีตทหารสังกัด กองพลทหารม้าที่ 3 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ จ.ขอนแก่น โดยสามารถจับกุมตัวได้ ภายในบ้านพักในเขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับของศาล มทบ.23 พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งโตโยต้าอัลติส หมายเลขทะเบียน ภก-5567 กทม.โดยหน้ารถมีหมวก ป้ายชื่อ-ภาพถ่ายและเครื่องหมายทหารวางอยู่,โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง,รถจักรยานยนต์ 1 คัน และแฟรชไดรฟ์ เนื่องจากผู้ต้องหา ใช้แอพพลิเคชั่น “Blued” ในการติดต่อพูดคุยกับเด็กชายที่มีอายุไม่ต่ำ 15 ปี ที่สามารถติดต่อพูดคุยกันทั่วทั้งประเทศ ก่อนชักชวนกันมาคุยในเฟสบุ๊กส่วนตัว นัดแนะผู้เสียหายที่เป็นเด็กชายมาล่วงละเมิดทางเพศ

โดยผู้ต้องหามีการจดบันทึกข้อมูลของผู้เสียหายที่ทำการข่มขืนไว้ด้วย รวม 75 ราย ในจำนวนนี้มีรายชื่อและที่อยู่ชัดเจน 28 ราย ซึ่งภายหลังถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา 6 ข้อหา คือ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีขอตนเอง,กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม,พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม,โดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร,ข่มขืนผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินขอผู้ถูกข่มขืนในนั้นเอ้ หรือขอผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนถูกผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และ บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่คมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

Advertisement

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ต.อ.สุวัฒน์ สมจิตร ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีดังกล่าว บก.ปคม. เป็นหน่วยงานหลักในการทำการสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้ต้องหา ก่อนส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ทำการขออำนาจศาล มทบ.23 ฝากขัง พลัดแรกไปแล้วเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานที่ผ่านมา ( 8 พ.ย.) ฏกยที่พนักงานสอบสวน บก.ปคม.และ สภ.น้ำพอง ทำการคัดค้านการประกันตัวทั้งในชั้นพนักงานสอบสวนและในชั้นศาล ขณะที่การดำเนินงานร่วมกันวันนี้นั้น บก.ปคม.ได้ประสานการทำงานร่วมกันกับ สภ.น้ำพองทำการสอบสวนขยายผล เนื่องจากมีผู้เสียหายที่เป็นเยาวชนชายในพื้นที่ อ.น้ำพอง และอำเภอใกล้เคียงร่วม 10 ราย แต่การทำงานในกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทุกขั้นตอนต้องระมัดระวัง สภาพจิตใจของเยาวชนและครอบครัว

“ เราต้องทำงานร่วมกันกับทีมสหวิชาชีพอย่างละเอียดทั้งหมด เพื่อประสานกับทางโรงเรียนที่เยาวชนศึกษาอยู่ ก่อนทำการเข้าพูดคุยกับเยาวชนและครอบครัว ทั้งนี้ข้อมูลหรือรายละเอียดต่างๆ ต้องให้ผู้ปกครองยินยอม จากนั้นจึงจะมีการมาพบพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนจึงจะรับคำร้องทุกข์ ซึ่งเป็นการทำงานตามลำดับขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน ที่สำคัญเยาวชนทุกรายต้องมีการตรวจสุขภาพด้วย หากรายใดพบว่าติดเชื้อ HIV ก็จะต้องรีบดำเนินการรักษาอย่างถูกวิธีตามขั้นตอนของแพทย์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีเยาวชนและผู้ปกครองมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด และบางเรื่องก็ไม่สามารถที่จะเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนและสำนวนของการสอบสวน”

ผกก.สภ.น้ำพอง กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวน ได้ทำการส่งตัวผู้ต้องหาไปทำการขออำนาจศาลฝากขังที่ ศาล มทบ.23 (ศาลมณฑลทหารบกที่ 23) จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นการฝากขังผัดแรก จำนวน 12 วัน อย่างไรก็ตามตลอดทั้งวันในวันนี้ยังคงไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ สภ.น้ำพอง ได้ตั้งคณะทำงานในการรับดำเนินการสอบสวน ส่วนสำนวนคดีทั้งหมด บก.ปคม. เป็นคนทำและรวบรวมส่งอัยการเมื่อพยานหลักฐานต่างๆเสร็จสมบูรณ์ ในส่วนของการให้ประกันตัวหรือไม่อยู่ที่ศาล มทบ.23จะเป็นผู้พิจารณา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image