เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่จ.เชียงราย ภายหลังกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปิดพื้ยที่เพื่อพื้นฟูบริเวณวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งได้รับความเสียหายจากการช่วยเหลือเยาวชน 13 ชีวิตทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี่ แม่สาย ออกจากถ้ำหลวง จนมีสภาพกลับมามีความสมบูรณ์สวยงามเหมือนเดิม ก่อนเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเข้าท่องเที่ยวได้ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฎว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา มีประชาชนและนักท่องเที่ยว เดินทางไปที่ขุนน้ำนางนอน เพื่อชมสระน้ำสีมรกตอย่างคึกคัก รวมถึงบริเวณถ้ำหลวง แม้อุทยานจะยังไม่เปิดให้เข้าชมภายในถ้ำหลวง โดยอนุญาตให้เข้าไปถึงเพียงปากถ้ำ แต่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวจำนวนมาก เบื้องต้นมีนักท่องเที่ยวเข้าชมทั้ง 2 จุด วันละไม่ต่ำกว่า 3,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสภาพอากาศที่บริเวณขุนน้ำนางนอน ในช่วงเช้าอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 19 องศาเซลเซียส ภายในขุนน้ำนางนอน ยังมีสายหมอกให้ชม
นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 กล่าวว่า การเปิดขุนน้ำนางนอนให้เข้าชม ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก วันละไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 คน จึงจัดให้เจ้าหน้าไว้อำนวยความสะดวกในการควบคุมจำนวนคนเข้าเที่ยวชมครั้งละไม่เกิน 300 คน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสถานที่ และการเที่ยวชมจะได้สัมผัสอย่างเต็มที่ แต่ยังมีปัญหาด้านการจราจรเข้า-ออก ยังลำบาก เนื่องจากมีปริมาณรถหนาแน่น ซึ่งกำลังเร่งแก้ปัญหา โดยประสานตำรวจภูธรเชียงราย เพื่อจัดระเบียบเส้นทางเดินรถแบบทางเดียว ไม่ให้เกิดการติดขัด 
“ส่วนปัญหาเรื่องการเงินค่าเข้าชมนั้น อยากชี้แจงว่าอุทยานไม่ได้มีการเก็บเงินค่าเข้าชมแต่อย่างใด โดยสามารถมาเที่ยวชมฟรี ทั้งขุนน้ำนางนอนและบริเวณถ้ำหลวง ส่วนที่ถูกโจมตีว่ามีการนำร่มหรือจ้องไปติดไว้บริเวณหนองน้ำนั้น บริเวณดังกล่าวเป็นของเอกชนซึ่งจัดขึ้นมาเองไม่เกี่ยวกับป่าไม้หรืออุทยาน”นายกมลไชย
