เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 7 ต.โพนทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เพื่อพบกับ นายรุ่งเรือง โชคปรีชากุล หรือ เรือง เชียงยืน อายุ 50 ปี พ่อของ นายพรราชัน ศรีอรียา หรือ ตี๋เล็ก ป.เรืองเดช อายุ 33 ปี อดีตแชมป์เวที 7 สีรุ่น 102 ปอนด์ ค่าตัวสูงสุด 35,000 บาท
โดยนายรุ่งเรือง โชคปรีชากุล หรือ เรือง เชียงยืน กล่าวว่า ตี๋เล็ก เริ่มฝึกและชกมวยมาตั้งแต่อายุ 8 ปี ชกมาแล้วกว่า 500 ไฟลท์ เคยขึ้นเวทีใหญ่ ทั้งเวทีมวยลุมพินี และเวทีราชดำเนิน และเคยได้แชมป์เวที 7 สี รุ่น 102 ปอนด์ โดยน้องเล็กได้ชกมวยไฟลท์สุดท้าย ที่เกาะสมุย จ.สุราษฏาธานี เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ตี๋เล็กใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ก็ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับพ่อที่อยู่มหาสารคามอย่างสม่ำเสมอ จนล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตี๋เล็กอยากกลับมาหาพ่อที่มหาสารคาม แต่ว่าไม่มีเงิน จึงได้โทรศัพท์มาหาพ่อ และพ่อได้โอนเงินไปให้เป็นค่ารถจำนวน 1,500 บาท โดยในวันที่ 23 กรกฎาคม ตี๋เล็กได้ขึ้นรถกลับบ้าน แต่ปรากฏว่าตี๋เล็กได้หายตัวไป จนกระทั่งวันที่ 31 กรกฎาคม พ่อได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลสระบุรี ว่า ลูกชายมีอาการเหมือนคนสติไม่สมประกอบ ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ตนเองจึงรีบไปรับตัวกลับมาอยู่ที่บ้าน สอบถามหมอที่โรงพยาบาลก็ทราบแต่เพียงว่า ตำรวจนำตัวตี๋เล็กมาส่งที่โรงพยาบาล เพราะอยู่ดี ๆ ก็เดินเข้าไปที่บ้านคนอื่น
ซึ่งตอนที่กลับมาแรกๆ ลูกชายมีอาการเหม่อลอย คอยบอกให้คนในบ้านไปอยู่ที่อื่น เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย ถามตอบอะไรก็ไม่รู้เรื่อง จำใครไม่ได้ ตอนนั้นกลุ้มใจมาก ไปหาหมอที่โรงพยาบาลจิตเวช และต้องพึ่งไสยศาสตร์ รักษามากระทั่งปัจจุบัน เป็นเวลา 4 เดือน ตอนนี้สภาพลูกชายถือว่ากลับคืนมาได้ประมาณ 70% ซึ่งแค่นี้ตนเองก็พอใจแล้ว
“หากจะถามว่าที่ลูกชายต้องมาเป็นแบบนี้ เพราะเกิดจากการชกมวยตั้งแต่เด็กหรือไม่นั้น ตนคิดว่าก็มีส่วน แต่คงเป็นส่วนน้อย เพราะนักมวยดัง ๆ หลายคนก็ผ่านการชกมวยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 500-600 ไฟลท์ ส่วนอาการของลูกชาย คิดว่าเป็นเพราะหลายอย่างด้วยกัน ทั้งเรื่องการชกมวยตั้งแต่เด็ก เรื่องเคยถูกวางยาขณะกำลังจะขึ้นชก เรื่องประสบอุบัติเหตุก่อนที่จะกลับมาถึงบ้าน และในช่วงที่ระหว่างที่ลูกหายตัวไปลูกไปเจออะไรมาบ้างก็ไม่รู้” นายรุ่งเรือง กล่าว
นอกจากนี้ยังคิดว่าการที่เด็กได้มาฝึกฝนชกมวย ช่วยให้เป็นคนมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ไม่เกเรด้วย เพราะตี๋เล็กกับเพื่อนๆที่มาฝึกซ้อมมวยด้วยกันในสมัยก่อน ก็จะมีนิสัยที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป คือ พอเลิกเรียนแล้วก็จะกลับบ้าน เข้าค่ายฝึกซ้อมไม่ไปจับกลุ่มเสพยาเสพติด หรือไปเกเรที่อื่น
เรื่องการรักษา ตนเองเป็นคนต่างจังหวัดก็จะมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ หลายคนก็ว่าลูกชายโดนของ หมอไหนดีตนเองก็ตระเวนพาไป ขอแต่ให้ลูกชายอาการดีขึ้น รวมถึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลจิตเวช ขอนแก่นด้วย ซึ่งลูกชายก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ กล้าที่จะปล่อยให้อยู่คนเดียวตามลำพังได้ และยังช่วยงานบ้านเป็นประจำทุกวัน เช่น ล้างจาน และทิ้งขยะ สามารถออกไปเดินเล่นพบปะผู้คน หรือไปซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้านได้ แต่ก็จะขออนุญาตตนเองทุกครั้ง และเขาก็เข้าใจและรู้ว่ามีคนรักและคอยดูแลเขาดีมากในยามเขาป่วย
นอกจากนี้ยังมีแฟนมวย และคนที่ชื่นชอบฝีมือการชกของตี๋เล็ก หลังจากทราบข่าวก็ยื่นมือมาช่วยเหลือ ตนก็ได้นำเงินที่ได้มาไปรักษาลูก เป็นค่าหมอ ค่ายา และค่าเดินทาง ซึ่งหากจะให้ลูกกลับไปชกมวยอีกครั้งก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็คงต้องอยู่ต่อไปแบบนี้ ทุกวันนี้ตี๋เล็กก็จะช่วยทำงานบ้าน เช่น หุงข้าว ล้างจาน เป็นต้น
