เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ยศวริศ ทองสงโสม สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากที่บริเวณถนนเพชรเกษม – หนองเสือ หมู่ 2 ต.เกาะหลัก อ.เมืองฯจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยมูลนิธิสว่างธรรมสถาน พบรถกระบะอีซูซุ สีประตูสีชาว ทะเบียน 7 กศ 4806 กทม. ตกอยู่ข้างถนน สภาพหลังคายุบ กระจกหน้าแตกเสียหายยับเยิน ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ราย มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ติดอยู่ในซากรถและกระจัดกระจายเต็มถนน ร้องขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่จึงรีบลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งรักษา รพ.ประจวบคีรีขันธ์ พบทั้งหมดเป็นสัญชาติเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
สอบสวนทราบว่ารถคันดังกล่าวบรรทุกชาวเมียนมาจากบ้านเนินแก้ว ต. อ่าวน้อย อ.เมือง เพื่อไปส่งให้นายทุนเพื่อค้าแรงงานเถื่อนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ประกอบกับคนขับไม่ชำนาญเส้นทางทำให้รถเสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะเดียวกันคนขับรถที่เป็นคนไทย มีอาการบาดเจ็บสาหัสได้อาศัยช่วงจังหวะหลบหนีไปกับรถยนต์ที่วิ่งเคลียร์เส้นทางนำตัวไปรักษาตัวที่ รพ.ทับสะแก ห่างจากจุดเกิดเหตุไปทางทิศใต้ 40 กิโลเมตร ( กม.) เจ้าหน้าที่จึงประสาน สภ.ทับสะแกให้จับกุมตัวพร้อมนำตัวส่ง สภ.เมืองฯ เพื่อทำการสอบสวน
มีรายงานว่าการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจากช่องทางธรรมชาติเส้นทางเข้าออกกับประเทศเพื่อนบ้านที่บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย นอกจากพบรถที่ประสบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ายังมีรถยนต์อีกคัน ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนเดินทางไปรับแรงงานเถื่อนจำนวน 14 คน ได้หลบหนีไปได้ โดยได้ค่าจ้างหัวละกว่า 10,000 บาท สำหรับการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด บริเวณช่องทางธรรมชาติที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ ทำให้กระบวนการค้าแรงงานเถื่อนที่แก๊งคนมีสีในพื้นที่ ร่วมกับนายทุนแก๊ง “ ซิ่งยันหว่าง “เปลี่ยนเส้นทางโดยเดินเท้าจากช่องทางธรรมชาติผ่านไร่สับปะรด เพื่อรอพบนายหน้านำตัวไปส่งตามใบสั่ง จากนั้นส่งต่อไปใช้แรงงานที่ประเทศมาเลเซีย
