เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นางลัดดา วิละแสง เจ้าของร้านช่อลัดดาผ้าทอ บ้านฮวกหมู่ 12 ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจการค้าขายในชุมชนบ้านฮวกที่ซบเซาลง โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้าผ้าทอพื้นเมือง ที่ผ่านมายอมรับทางร้านค้าผ้าทอต่าง ๆ ได้รับสินค้าประเภทผ้าทอจากประเทศเพื่อนบ้าน คือ จากเมืองคอบ เมืองเงิน และเมืองเชียงฮ่อน แขวงไชยะบุลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว เนื่องจากค่าแรงงานถูก ทำให้ผ้าทอราคาถูกและสามารถสั่งทอได้จำนวนมาก แต่ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากพ่อค้าผ้าทอในเมืองคอบแจ้งมาว่า ขณะนี้ทางลูกค้าจากประเทศจีนได้เข้ามาสั่งซื้อผ้าทอจากเมืองคอบ เมืองเงิน และเมืองเชียงฮ่อน ครั้งละจำนวนมาก จึงไม่มีผ้าทอส่งมายังฝั่งไทยที่บ้านฮวก นานเกือบปีแล้ว
เจ้าของร้านช่อลัดดา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้การปรับระบบเพื่อจะเปิดด่านถาวรบ้านฮวก สินค้าที่จะต้องมาซื้อขายต้องเข้าระบบการเก็บภาษีสินค้าตามระเบียบ ดังนั้นทำให้ทางประชาชนที่ส่งผ้าทอจาก สปป.ลาว และผู้ค้าค้าในชุมชนบ้านฮวกที่นำเข้าผ้าทอจาก สปป.ลาว จะต้องเสียภาษีซึ่งเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นทำให้ผ้าทอจาก สปป.ลาวหายไป แทบไม่มีขายในร้านค้าที่ชุมชนบ้านฮวก อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักคือ ลูกค้าประเทศจีนสั่งทอและรับซื้อผ้าทอจากทั้งสามเมืองของแขวงไชยะบุลี สปป.ลาว ดังกล่าว ทำให้ผ้าทอลาวราคาแพงราคาชิ้นละ 600-2,000 บาท และไม่มีนำเข้าจากลาวอีก บางร้านก็ปิดตัวไปแล้ว
“ดังนั้น เมื่อขณะนี้ผ้าทอลาวหายไป ไม่สามารถนำเข้าได้ดังเดิมแล้ว จึงมีแนวคิดส่งเสริมให้กลุ่มผ้าทอบ้านฮวก ทอผ้าทอภูซางที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านฮวก เป็นลายสีสันสดใส ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยยิ่งขึ้น และในอนาคตหากเปิดด่านถาวรบ้านฮวกได้พร้อมกับด่านปางมอน ของ สปป.ลาว ก็อาจจะเป็นตลาดผ้าทอของคนจีนในอนาคตด้วย” นางลัดดา กล่าว
