เมื่อเวลา 11.00น. วันที่ 16 ธันวาคม ที่ จ.สงขลา นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยกระจายเกือบทุกเขตการเลือกตั้ง ซึ่งแต่ละพื้นที่ของเขตการเลือกตั้งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด ช่วงเช้าของวันเดียวกัน ได้ลงพื้นที่ตลาดสดพ่อพรหมหาดใหญ่ใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นตลาดนัดวันอาทิตย์ มีประชาชนจับจ่ายใช้สอยในตลาดจำนวนมาก โดยนายสุวิทย์ ออกเดินพบปะและทักทายประชาชนภายในตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากนั้นเดินทางไปร่วมงานเมาลิด และพบปะประชาชน ที่โรงเรียนจริยธรรมมูลนิธิ อ.จะนะ โดยมีประชาชนเข้าร่วมไม่น้อยกว่าจำนวน 1,000 คน ประกอบด้วยผู้นำศาสนา, โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา, ประมงชายฝัง เพื่อสอบถามปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนพร้อมรับข้อเสนอแนะของประชาชนที่ต้องการให้ช่วยเหลือ และการแก้ปัญหาในระยะยาว โดยประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาผลิตผลเกษตรตกต่ำ ทำให้รายได้ของประชาชนลดลงจนได้รับความเดือดร้อน จากนั้นในช่วงบ่ายเข้าร่วมกิจกรรมปัญญาประชารัฐ “คิดให้………….ไทยทะยาน” ที่โรงแรมเนคก้า ไรเณอ (Neca Reiche Hotel) อ.หาดใหญ่
ต่อมา นายสุวิทย์ เดินทางต่อไปยังบริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ตะลิ่งชั่น อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 สงขลา นายวสันต์ ชั่งหมาน สจ.สงขลา เขต อ.จะนะ พร้อมพบประชาชนและ ผู้นำศาสนา
นายสุวิทย์ กล่าวว่า จ.สงขลา และ ภาคใต้มีศักยภาพสูงมากที่สามารถเชื่อมโยงยังประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซีย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยกระดับภาคใต้ 4.0 จึงกำหนดยุทธศาสตร์ให้ภาคใต้เป็นระเบียงเศรษฐกิจ (เอสอีชี.)รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นแม่เหล็กโลก ให้ประชาชนมีรายได้เป็น 2 เท่าในปัจจุบัน
“ภาคใต้มีศักยภาพ น่าจะได้รับการพัฒนาให้ไกลไปกว่าที่เป็นอยู่ รัฐบาลโดย พล.อประยุทธ์ มีความพยายามยกระดับภาคใต้ให้ดีขึ้น หวังพึ่งแต่ถนนเพชรเกษมไม่ได้ หากมีการประท้วงปิดถนนจะทำให้เดือดร้อน ให้มีถนนคู่ขนานและรถไฟรางคู่เชื่อมโยงภาคใต้
สำหรับ อ.จะนะเป็นแหล่งผลิตนกเขาชวาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทำรายได้เข้า อ.จะนะ ปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท แต่ติดปัญหาที่ไม่สามารถส่งออกนกเขาชวาไปยังต่างประเทศได้ ทั้งที่ประเทศอินโดนีเซียยังมีความต้องการอีกมากนั้น ผมจะนำเรื่องนี้ไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้การช่วยเหลือได้อย่างไร เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ ให้ประชาชน อ.จะนะ มีรายได้เพิ่มขึ้น และต้องมีการประสานระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล หากแก้ปัญหานี้ ภาคใต้จะก้าวไปไกล ส่วนปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ที่ได้ของบประมาณสร้างแหล่งน้ำ 300 ล้านบาทมามากกว่า 3 ปี แต่ยังไม่มีความคืบหน้าผมจะติดตามให้” นายสุวิทย์ กล่าว
รายงานข่าวว่าระหว่างนั้น มีตัวแทนประชาชนร้องเรียนเรื่องสินค้าราคาเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ประมง ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ ให้มีการสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ขึ้น ขอให้มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ขอให้แก้ปัญหาเอกสารสิทธิที่ดินทำกินที่อยู่มานาน 100 ปี
