‘อธิบดีกรมป่าไม้’ บินด่วนห้วยมะหาด-ภูนั่งยอง ช็อกเจอ ‘เหมืองบ่อทราย’ รุกป่าสงวน 

จากกรณีชาวบ้านในชุมชนเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ร้องเรียนไปยังกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่า มีกลุ่มนายทุนอ้างเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำหนังสือขออนุญาตเข้าไปตัดไม้บนเขาภูนั่งยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยมะหาด-เขานั่งยอง หลังกรมป่าไม้มีการแก้ไขกฎหมายใหม่ ให้สามารถขออนุญาตตัดไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกและดูแลรักษาต้นไม้มานานกว่า 20 ปี ซึ่งเบื้องต้นพบมีการตัดไม้ประดู่ขนาดใหญ่ ประมาณ 1 คนโอบ สูงเกือบ 5-6 เมตร ถูกตัดไปแล้ว 1 ต้น และยังมีการพ่นสีหมายเลขลงบนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เตรียมเข้าไปตัดบนเขาอีกประมาณ 300-500 ต้น โดยพบว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นภูเขาอยู่ติดกับบริเวณที่ได้รับสัมปทานโรงโม่หินของบริษัทเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง

● “กรมป่าไม้” สั่งฟันนายทุนอ้าง ส.ค.1 ทำเนียนขอตัดไม้ป่าสงวนฯห้วยมะหาด – ภูนั่งยอง

เมื่อเวลา 14.40 น.วันที่ 19 ธันวาคม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาลงบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าเขาห้วยมะหาด ป่าเขานั่งยองและป่าเขาครอก) ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองระยอง โดยมี นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆไพร นายอนุชาติ ภิญโญ ผู้อำนวยการป่าไม้ จ.ระยอง พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.บก.ปทส. พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.นายสุวิชัย สินบังเกิด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดระยอง น.ส.กวิณา สุวรรณโมลิ วิศกรชำนาญการ สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ระยอง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ 50 นาย ให้การต้อนรับ

Advertisement

จากนั้น นายอรรถพล ได้เดินขึ้นไปดูสภาพป่าต้นประดู่บนเชิงเขาพบต้นประดู่ ถูกตัดโค่นจำนวน 1 ต้น ตรวจสภาพป่ามีนายทุนบุกรุกใช้สีพ่นหมายเลขบนต้นประดู่จำนวนมาก โดยใช้เชือกขึงล้อมรอบ

นายอรรถพล กล่าวว่า หนังสือที่ตนเซ็นต์ไปเป็นหนังสือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับเรื่องการส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ เตรียมที่จะรองรับเรื่องของการแก้ไขพ.ร.บ.ป่าไม้ที่จะส่งเสริมเรื่องการปลูกไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการอนุญาตในพื้นที่นี้แต่อย่างใด เพราะว่าขั้นตอนขบวนการตรวจสอบถึงแม้จะมีเอกสารสิทธิ์ก็ตาม ในหนังสือแจ้งไว้ชัดว่าจะต้องมีการตรวจสอบว่าเอกสารสิทธิ์ได้มาโดยชอบหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นโฉนด น.ส.3 น.ส.3ก.หรือส.ค.1 ถ้าเอกสารสิทธิ์ตรงนี้สภาพจริงยังมีป่าหรือเป็นป่าธรรมชาติมีไม้ที่ไม่ได้ปลูกขึ้นเอง น่าสงสัยว่าจะออกโดยไม่ชอบจึงต้องมีการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นคงไม่ปล่อยให้ใครเข้ามาตัดไม้ ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่คอยเป็นหูเป็นตาถือเป็นแรงสำคัญที่จะช่วยดูแลรักษาพื้นที่ป่าตรงนี้ด้วย

Advertisement

นายชีวะภาพ กล่าวว่า กรณีส.ค.1 ตรวจเบื้องต้นไม่น่าที่อยู่ตรงจุดนี้ ตามภาพถ่ายทางอากาศปี 2496 ไม่ได้ทำประโยชน์ ขณะประกาศป่าสงวนฯมีการยืนยันชัดเจนว่าไม่มีเอกสารสิทธ์อยู่ในบริเวณดังกล่าวป่าสงวนฯผืนนี้เป็นป่าที่มีการประกาศจากพื้นที่สงวนหวงห้าม 2492 เมื่อก่อนตอนประกาศ มีพี่น้องประชาชนเข้ามาทำกินรอบๆ รัฐบาลสมัยนั้นก็ประกาศป่าสงวนฯใหม่โดยถอยร่นเข้ามา เหลือพื้นที่ประมาณ 18,000 ไร่ ประกาศเฉพาะเขตเขา แต่พบว่ามีการตัดเขาเข้าไปวันนี้เข้ามาตรวจพบว่าในเขตป่าสงวนฯทั้งหมด มีการเข้ามาทำเหมืองบ่อทราย 3 จุดใหญ่ พบว่า มีการคลาดเคลื่อนจึงประสานทางบก.ปทส.เข้ามาร่วม จากการตรวจสอบสงสัยว่าเป็นเอกสารที่ไม่ถูกต้องประมาณไม่ต่ำกว่าเกือบ 1,000 ไร่

“เจ้าของที่ดินบริเวณตรงนี้บอกว่าซื้อมาประมาณ 100 กว่าไร่ มีอีกบริษัทฯเข้ามาทำกิจการทรายอ้างว่ามีน.ส.3 ประมาณ 200 ไร่ ส่วนที่ไม่มีกรรมสิทธิ์เป็นส.ค.1 อ้างมาอีกเกือบ 200 ไร่ ใกล้กับวิทยาลัยเทคนิคอีกเกือบ 200 – 300 ไร่ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนฯ ทั้งหมด” นายชีวะภาพ กล่าว


พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า ทางกรมป่าไม้ได้รวบรวมพยานหลักฐานมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่ในส่วนที่ไปออก น.ส. 3ก. โดยที่ไปอ้างส.ค.1 ต้องมีการนำพิสูจน์ว่าออกโดยมิชอบหรือไม่ ถ้าออกโดยมิชอบเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่มีการทุจริต แต่อย่างไรก็ตามขอระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเพราะเป็นเรื่องที่เป็นหน่วยรัฐด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาอธิบดีกรมป่าไม้และคณะเดินทางไปตรวจสอบบ่อทรายที่มีน.ส.3 ก. พบรถแบ็คโฮอยู่ที่บริเวณบ่อทรายจำนวน 9 คัน จึงให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิกัดบริเวณพื้นที่ทั้งหมดว่าอยู่ในเขตป่าสงวนฯหรือไม่พร้อมทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการกระทำผิดก็จะต้องดำเนินคดีภายหลัง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image