เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 ที่ท่าเทียบเรือประมง ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) และ นายธนวุฒิ โมทย์วารีศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช ผู้อำนวยการเลือกตั้ง, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร, นพ.เหวง โตจิราการ, พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์, นายประภัทร์ จงสงวน, นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล แกนนำพรรค ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการเรือประมง โดยมีนายชินชัย สถิรยากร เลขาธิการสมาคมประมงให้การต้อนรับ พร้อมสะท้อนปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กฎหมายไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกบอการประมง ทำให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อน หากจะบังคับใช้กฎหมาย ควรฟังความเห็นของชาวประมงและทำให้กลุ่มประมงอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ต้องให้ความรู้แก่ประชาชนถึงกฎหมายใหม่
“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะฟังเสียงประชาชน และได้การยอมรับจากต่างประเทศ บางคนไม่ smart แต่อยากจะ smart ซึ่งหากรัฐบาลจะอ้างระเบียบของนานาชาติ เราไม่ขัดข้อง แต่การแก้ปัญหาต้องให้ชาวประมงอยู่ได้ การที่ประเทศไทยจะได้ไฟเขียว มีทางเดียวคือให้รัฐบาลปัจจุบันรีบไป ซึ่งผลของการแก้ระเบียบต่างๆ ทำให้มีเรือพาณิชย์เหลือใช้งานเพียง 10,800 กว่าลำ และออกจากท่าได้มีเพียง 800 ลำ ตอนนี้ปลายอุโมงค์เริ่มเปิดแล้วเพราะจะมีการเลือกตั้ง และพรรคไหนที่ฟังพี่น้องประชาชน พรรคนั้นจะชนะถล่มทลาย ส่วนพ่อค้าแม่ค้าขายปลาทู เดิมนึ่งขายได้วันละ 30-40 เข่ง แต่ 3-4 ปี มานี้ เหลือนึ่งขายได้วันละ 10-12 เข่ง ทำให้ขาดทุนเป็นล้าน ซื้อมาแพงแต่ขายถูก อยากให้ได้ผู้ที่เป็นประชาธิปไตยมาเป็นรัฐบาล ขอให้รัฐบาลชุดหน้าที่มาจากการเลือกตั้งทำเศรษฐกิจให้ดีขึ้น” นายชินชัย กล่าว
ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า ทุกคนต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เพียงคนจังหวัดสมุทรสงคราม แต่เป็นชาวประมงทั้ง 22จังหวัดที่ประสบปัญหาภาคประมง ที่ได้รับผลกระทบจากการพ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประกาศต่างๆอีกกว่า 300 ฉบับที่บังคับใช้กับชาวประมงที่จำกัดหลักในการปฏิบัติของชาวประมง สร้างความเดือดร้อนกับชาวประมงอย่างหนัก ปัญหาเกิดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ใส่ใจวิธีชีวิตของชาวประมง พรรคตั้งใจมารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง เพื่อนำปัญหาไปพิจารณานำไปสู่การแก้ไข 
“ในวันนี้ มีทางเลือกอยู่ 2 ฝั่ง คือฝั่งประชาธิปไตย กับฝั่งที่ต้องการสืบทอดอำนาจ ถ้าท่านรู้สึกอิสระ ไม่อึดอัดกับสภาพบ้านเมืองใน 4 ปีที่ผ่านมา ก็ให้เลือกฝั่งสืบทอดอำนาจ แต่หากท่านอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ ให้ประเทศก้าวหน้า 24 กุมภาพันธ์นี้ ท่านต้องกาบัตรเลือกตั้งให้ฝ่ายประชาธิปไตย” ร.ท.ปรีชาพล กล่าว
