จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปในกุฏิวัดมะยาง ต.หนองแค อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ แล้วใช้พริกป่นโรยใส่ตาของหลวงตาคำตา อินทวโส อายุ 86 ปี พระลูกวัดมะยาง จากนั้นคนร้ายใช้ท่อนไม้ทุบหัวหลวงตาคำตา ทำให้มรณภาพหน้าห้องน้ำภายในกุฏิ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ราษีไศล ไล่ล่าติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ได้แล้วคือ นายสุรพรรค์ เครือแสง หรือไก่ คิ้วยักษ์ อายุ 21 ปี หมู่ 5 ต.หนองแค อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ อดีตพระลูกวัดมะยาง ที่ถูกตำรวจจับกุมและจับสึกเนื่องจากเสพยาบ้า โดยตั้ง 3 ข้อหา คือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ซึ่งนายสุรพรรค์ได้ให้การปฏิเสธในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ให้การรับสารภาพในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ราษีไศล จะได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังครั้งที่ 1 ที่ศาล จ.ศรีสะเกษ แล้ว ขณะที่นางบุญชู มณีศรี อายุ 42 ปี แม่ของนายสุรพรรค์ ยืนยันว่านายไก่ไม่ใช่คนร้ายรายนี้ เนื่องจากเป็นคนขี้แยและขี้กลัวผีมาก ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า คดีนี้ แม้ว่าผู้ต้องหาคือนายสุรพรรค์ เครือแสง จะให้การปฏิเสธ 2 ข้อหา คือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ว่าจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.ราษีไศล นายสุรพรรค์ได้ให้การว่าไม่เคยเข้าไปที่บริเวณที่เกิดเหตุแต่อย่างใด แต่ว่าจากการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่ามีลายนิ้วมือแฝงของนายสุรพรรค์ติดอยู่ที่บริเวณกระจกหน้าต่างหลายแห่ง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่มัดตัวนายสุรพรรค์ และทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาต่อหน้าทนายความ เนื่องจากคดีนี้มีโทษสูงมาก จากนั้นได้ส่งตัวผู้ต้องหาไปฝากขังผัดที่ 1 ที่ศาล จ.ศรีสะเกษ และได้คัดค้านการประกันตัว แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลสถิตยุติธรรมว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาได้หรือไม่
พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.ราษีไศล กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งตนได้กำชับไปแล้วว่าให้ทำการสอบสวนอย่างละเอียดรอบคอบตามกฎหมาย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่ ตนจะไม่มีการตั้งธงว่าใครเป็นคนผิดคดีนี้ โดยจะดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานทั้งหมดที่ปรากฏ รวมทั้งตนได้สั่งการให้มีการขยายผลไปว่ามีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีนี้หรือไม่อย่างไร หากจากการสอบสวนมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้เร่งติดตามมาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป