เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม หลังเกิดเหตุพายุฤดูร้อนถล่มเมืองเพชรบูรณ์เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 พฤษภาคม ทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนรวมทั้งหน่วยราชการได้รับความเสียในหลายตำบล โดยเฉพาะเสาไฟฟ้าถูกลมพายุพัดกระหน่ำจนหักโค่นรอบๆ เขตชานเมืองเพชรบูรณ์ ได้แก่ บริเวณริมถนนสวนสาธารณะหนองนารี เขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และเสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) บริเวณหน้าสำนักงานพัฒนาที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ ต.สะเดียง
ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าจากหลายอำเภอและจากส่วนกลางจำนวนหลายสิบชุดรวมกว่า 100 คน ได้ถูกระดมเข้าทำการเคลียร์พื้นที่และจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมทั้งหม้อแปลงกระแสไฟที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าขึ้นใหม่พร้อมกู้สายไฟฟ้าเพื่อให้สามารถให้กลับมาส่งกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ
นายสมบัติ ฉายะสุโข ผู้จัดการการไฟฟ้าภูมิภาคเขตชนแดน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจากอำเภอต่างๆ รวมทั้งทางการไฟฟ้าเขตลพบุรีและจากส่วนกลางจำนวนกว่า 15 ชุด ถูกระดมเข้ามาช่วยกันกู้ระบบไฟฟ้าที่ถูกลมพายุจนหักโค่น โดยจุดใหญ่ได้แก่เสาไฟฟ้าบริเวณริมถนนทางหลวงหมายเลข 21 หน้าสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดถูกลมพายุพัดหักโค่น 12 ต้น และเสาไฟฟ้าบริเวณริมถนนหน้าสวนสาธารณะหนองนารีหักโค่นอีก 13 ต้น ส่วนที่ ต.วังชมพู อ.เมืองเพชรบูรณ์ เสาไฟฟ้าหักโค่น 3 ต้น เวลานี้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่โดยมีการจัดเก็บอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหาย จากนั้นก็จะเริ่มตั้งเสาไฟฟ้าพร้อมกู้ระบบสายส่งให้กลับมาส่งกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติภายในวันนี้ ส่วนการที่มีบ้านเรือนราษฎรในบางพื้นที่ยังไม่สามารถใช้กระแสไฟฟ้าได้ เพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตัดไฟเพื่อทำการซ่อมแซม
นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากทางอำเภอเมืองว่าพื้นที่ประสบวาตภัยมี 6 ตำบล คาดการณ์ว่ามีบ้านเรือนราษฎรไม่ต่ำกว่า 450 หลังคาเรือนที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ต.นางั่วราว 120 หลังคาเรือน, ต.นายมราว 20 หลังคาเรือน, ต.ป่าเลาราว 100 หลังคาเรือน, ต.สะเดียงราว 150 หลังคาเรือน, ต.ดงมูลเหล็กราว 30 หลังเรือน, ต.ระวิงราว 10 หลังคาเรือน ส่วนในเขตเทศบาลเมืองล่าสุดยังอยู่ระหว่างการสำรวจ จึงได้สั่งการให้ทางอำเภอและท้องถิ่นเร่งให้การช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนตามระเบียบของทางราชการโดยเร่งด่วนแล้ว
“พอดีช่วงเกิดเหตุเมื่อวานเป็นช่วงวันหยุดราชการพอดีทำให้ไม่เกิดความวุ่นวายเท่าไหร่ โดยเฉพาะพื้นที่ประสบวาตภัยก็อยู่ในโซนสถานที่ราชการพอดี จึงทำให้มีทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหายค่อนข้างมากพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ยังเป็นช่วงที่ยังเกิดพายุฤดูร้อนได้อีก ฉะนั้นแต่ละครัวเรือนจึงขอให้ช่วยกันระมัดระวัง โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ให้ช่วยกันตัดทอนกิ่งก้านออกบ้าง” นายบัณฑิตกล่าว
ด้านนายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า เหตุวาตภัยครั้งนี้น่าจะรุนแรงในรอบ 10 ปี ไม่เพียงบ้านเรือนของราษฎรได้รับความเสียหายเท่านั้น แต่ทรัพย์สินและอาคารของทางเทศบาลและส่วนราชการต่างๆ ก็ได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยยังออกให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบวาตภัยอย่างต่อเนื่อง ส่วนการให้ความช่วยเหลือนั้นได้แจ้งให้ราษฎรถ่ายรูปและนำหลักฐานมายื่นขอความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานเทศบาลฯในวันนี้ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
ขณะที่ นายประทิน นาคสำราญ นายก อบต.สะเดียง กล่าวว่า พื้นที่ ต.สะเดียง ประสบวาตภัยค่อนข้างหนักกว่าที่อื่น เสาไฟฟ้าหักโค่น สถานที่ราชการเจอลมพายุจนทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านเรือนและทรัพย์สินราษฎรที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นราวแค่ 150 ครัวเรือน แต่ล่าสุดก็ยังมีผู้ใหญ่บ้านแจ้งรายชื่อลูกบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีราษฎรที่นำหลักฐานมายื่นที่ อบต.เพื่อขอรับความช่วยเหลือเช่นกัน
ทั้งนี้เวลา 13.00 น.นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมนางพจนันต์ เทวีทิวารักษ์ นายกเหล่ากาชาด จ.เพชรบูรณ์ นำถุงยังชีพจำนวน 109 ชุด ไปมอบให้กับผู้ประสบวาตภัยที่ ต.นางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีกองพันเสนารักษ์ที่ 8 กองพล.ม.1 นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปให้บริการตรวจรักษาให้แก่ผู้ประสบภัยอีกด้วย โดยนายบัณฑิตย์กล่าวชี้แจงกับผู้ประสบภัยว่า ขณะนี้นี้มีการบูรณาการกำลังพลจากหน่วยทหารและกองร้อย อส. หากมีพื้นที่ใดจำเป็นต้องใช้กำลังคนเพื่อไปช่วยเหลือรื้อถอน หรือให้ช่วยซ่อมแซมหรือรื้อบ้านพัก รวมทั้งตัดต้นไม้ที่หักโค่นเพราะประสบวาตภัยให้แจ้งร้องขอมาได้โดยทันที จากนั้นคณะนายบัณฑิตย์ได้เดินทางไปที่ ต.ป่าเลา อ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อมอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบวาตภัยเช่นเดียวกัน
