ตร.ลั่นครูพละฉาวจะวิ่งเต้นก็ไร้ผล ‘คดีอาญายอมความไม่ได้’

เมื่อวันที่ 7 มกราคม จากกรณีที่ผู้ปกครองของเด็กหญิงอายุ 12 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนวัดสิงห์ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท พาลูกสาวเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท โดยแจ้งว่าลูกสาวถูกนายดำรงค์ หรือครูบอล เรืองบุญ อายุ 40 ปี ครูสอนวิชาพลศึกษาของโรงเรียน หลอกพาลูกสาวไปขืนใจล่วงละเมิดทางเพศถึง 2 ครั้ง แต่ทางโรงเรียนกลับเพิกเฉย เพราะเพียงแค่ให้นายดำรงค์มาช่วยราชการทางกองการศึกษา เทศบาลวัดสิงห์ หน่วยงานต้นสังกัด จึงต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ เพราะเกรงว่านายดำรงค์จะลอยนวลพ้นผิด

ต่อมาทางเทศบาลตำบลวัดสิงห์ได้สั่งให้นายดำรงค์ไปช่วยราชการที่กองการศึกษาไว้ก่อน เพื่อพิจารณาบทลงโทษตามที่คณะกรรมการสอบวินัยลงความเห็นว่ามีมูลความผิดจริงต่อไป ส่วนเรื่องทางคดีตำรวจ สภ.วัดสิงห์ได้แยกสำนวน 2 ฟ้อง เป็น 2 คดี ที่ต่างกรรมต่างวาระตามที่ได้เสนอข่าวไปนั้น

แต่ก็เกิดเรื่องดราม่าขึ้นอีกครั้งเมื่อแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหายได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางฝ่ายครูพละได้พยายามติดต่อผ่านญาติของตน โดยเสนอให้เงิน 200,000 บาท เพื่อให้จบเรื่อง อีกทั้งบอกกับตาของเด็กหญิงว่า “รับเงินไปเถอะจะได้จบๆ กันไป ส่วนเรื่องคดีไม่ต้องห่วง ครูจะวิ่งเต้นทางตำรวจกับอัยการเอง ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก รับเงินไปดีกว่า” ซึ่งแม่ของน้องยืนยันว่า “จะไม่รับเงินจากนายดำรงค์ ครูพละฉาวรายนี้แม้แต่สตางค์แดงเดียว เพราะนายดำรงค์ทำร้ายลูกสาวที่จะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต ถึงครอบครัวของตนจะมีฐานะไม่ดี แต่ก็ยืนยันว่าเงินซื้อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเราไม่ได้ และที่สำคัญครูไม่ได้มีท่าทีสำนึกต่อความผิดแม้แต่น้อย จึงจะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

ล่าสุด พันตำรวจเอกเชษฐชัย เชษฐศิริ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวัดสิงห์ เปิดเผยว่า จากกระแสตามข่าวที่นายดำรงค์ ครูพละฉาวได้พยายามให้เงิน 200,000 บาท แก่ฝ่ายผู้เสียหายเพื่อจบคดี และบอกว่าสามารถวิ่งเต้นทางพนักงานสอบสวนและอัยการได้นั้น ตนในฐานะหัวหน้าโรงพักดูแลคดีนี้อย่างใกล้ชิดมาตลอด ขอยืนยันว่าไม่มีการติดต่อวิ่งเต้นจากทางฝั่งครูแต่อย่างใด แต่ก็ขอบอกไว้เลยว่าการวิ่งเต้นก็ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไร เพราะความผิดของนายดำรงค์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ที่ไม่สามารถยอมความกันได้ และพนักงานสอบสวนเองก็ทำสำนวนอย่างตรงไปตรงมาไม่เข้าใครออกใคร ว่ากันตามพยานหลักฐานทั้งสิ้น เรื่องนี้ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ ส่วนการติดต่อช่วยเหลือเยียวยาด้วยเงิน 200,000 บาทนั้น ฝ่ายครูสามารถยื่นข้อเสนอได้ แต่ทางครอบครัวก็มีสิทธิที่จะรับหรือปฏิเสธได้เช่นกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะไม่มีผลต่อสำนวนคดีอย่างแน่นอน และที่สำคัญหากพบว่ามีการติดต่อวิ่งเต้นเสนอเงินทองทรัพย์สินให้พนักงานสอบสวน ก็จะมีความผิดฐานติดสินบนเจ้าพนักงานอีกกระทงด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image