เมื่อวันที่ 8 มกราคม จากกรณีที่ผู้ปกครองของเด็กหญิงอายุ 12 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.ชัยนาท พาลูกสาวเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท โดยแจ้งว่าลูกสาวถูก ครูสอนวิชาพละศึกษาของโรงเรียน หลอกพาลูกสาวไปขืนใจล่วงเมิดทางเพศ ถึง 2 ครั้ง แต่ทางโรงเรียนกลับเพิกเฉย เพราะทำเพียงให้นายดำรงค์มาช่วยราชการทางกองการศึกษา เทศบาลวัดสิงห์หน่วยงานต้นสังกัด จึงต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ เพราะเกรงว่านายดำรงค์จะลอยนวลพ้นผิด
ต่อมาทางเทศบาลตำบลวัดสิงห์ได้สั่งให้ครูคนดังกล่าวไปช่วยราชการที่กองการศึกษาไว้ก่อน และส่งเรื่องให้คณะกรรมการข้าราชการการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชัยนาทพิจารณาสั่งพักราชการโดยไม่ได้รับเงินเดือน เพื่อให้สะดวกต่อการสอบสวนทางวินัย และเรื่องทางคดีตำรวจ สภ.วัดสิงห์ได้แยกสำนวน2ฟ้องเป็น2คดีที่ ต่างกรรมต่างวาระ
ต่อมาแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหายได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของเราว่า ทางฝ่ายครูพละได้พยายามติดต่อผ่านญาติของตน โดยเสนอให้เงิน 200,000 บาท เพื่อให้จบเรื่อง อีกทั้งบอกกับตาของเด็กหญิงว่า “รับเงินไปเถอะจะได้จบๆกันไป ส่วนเรื่องคดีไม่ต้องห่วง ครูจะวิ่งเต้นทางตำรวจกับอัยการเอง ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก รับเงินไปดีกว่า”
ซึ่งแม่ของน้องยืนยันว่า “จะไม่รับเงินจากนายดำรงค์ ครูพละฉาวรายนี้แม้แต่สตางค์แดงเดียว เพราะนายดำรงค์ทำร้ายลูกสาวที่จะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต ถึงครอบครัวของตนจะมีฐานะไม่ดี แต่ก็ยืนยันว่า เงินซื้อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ได้ และที่สำคัญครูไม่ได้มีท่าทีสำนึกต่อความผิดแม้แต่น้อย จึงจะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
โดยทางด้าน พันตำรวจเอกเชษฐชัย เชษฐศิริ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวัดสิงห์ กล่าวว่า แม้ครูพละจะพยายามวิ่งเต้นก็ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไร เพราะความผิดของครูพละเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา ที่ไม่สามารถยอมความกันได้ และพนักงานสอบสวนเองก็ทำสำนวนอย่างตรงไปตรงมาไม่เข้าใครออกใคร ว่ากันตามพยานหลักฐานทั้งสิ้น และหากมีการเสนอเงินทองทรัพย์สินให้พนักงานสอบสวน ก็จะมีความผิดฐานติดสินบนเจ้าพนักงานอีกกระทงด้วย
ล่าสุด มีผู้ใช้เฟซบุ๊กบางรายได้แสดงความคิดเห็นในทำนองว่า แม่และครอบครัวของน้องเด็กหญิง ม.1ที่ถูกข่มขืน พยายามเรียกร้องเงินทองที่มากกว่า 200,000 บาทจึงจะเป็นที่พอใจ อีกทั้งยังมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในทางเห็นด้วยว่า น้องเด็กหญิง ม.1 อายุ 12 ปี เองที่ยินยอมให้ครูกระทำชำเราเอง จะไปโทษครูฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
ด้านแม่ของน้องนักเรียนหญิงอายุ 12 ปี ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้คนที่ออกมาว่าน้องไปยอมครูเอง อยากให้เข้าใจเสียใหม่ คำว่าเด็กและเยาวชน คือคนที่มีวุฒิภาวะด้อยกว่าผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะ การคิดตัดสินใจหรือเชื่ออะไรจะถูกหลอกล่อหรือชักจูงได้ง่าย การที่ลูกสาวถูกครูกระทำถึง 2 ครั้ง มันเป็นทั้งการล่อลวงและบังคับขืนใจ อยากให้คนที่จะต่อว่าได้มองในมุมย้อนกลับว่าถ้าเป็นลูกหลานของตน จะใช้คำพูดวิพากษ์วิจารณ์สนุกปากแบบนี้หรือไม่ ส่วนที่บอกว่าครอบครัวของตนอยากได้เงินมากกว่า 200,000 บาท จึงจะยอมความนั้น ตนขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าต่อให้ครูมาเสนอเงินให้มากมายสักเท่าไหร่ ตนกับครอบครัวก็ไม่รับแม้แต่บาทเดียว เพราะที่ตนออกมาร้องทุกข์กับสื่อมวลชนนั้น ก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง และต้องการให้คนผิดที่เป็นถึงครูอาจารย์ได้รับโทษตามกฏหมาย ไม่ใช่ออกมาเรียกร้องต้องการเงินทอง
