สภาพความเสียหายของชายหาดบ่ออิฐ ในตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งได้รับความเสียหายจากคลื่นซัดถล่มชายฝั่ง อันเป็นผลกระทบที่เกิดจากพายุโซนร้อนปาบึกที่พัดขึ้นฝั่งส่งผลกระทบในหลายจังหวัดภาคใต้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยชายหาดนั้นถูกคลื่นซัดจนเสียหายมาถึงถนนเลียบชายทะเล ต้นสน ล้มลงเป็นแนวยาว
แม้บริเวณนี้จะมีแนวหินกันคลื่นเป็นบางจุดที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อป้องกันผลกระทบจากคลื่นซัดชายฝั่ง ก็ไม่สามารถต้านทานแรงคลื่นได้ และในจุดที่ยังไม่มีเขื่อนหรือแนวหินกันคลื่นก็จะได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบท ได้นำป้ายเตือนภัยให้ประชาชนที่จำเป็นต้องใช้เส้นทางเลียบชายทะเลบ้านบ่ออิฐ สัญจรด้วยความระมัดระวัง โดยในขณะนี้ 6 อำเภอที่มีพื้นที่ติดชายทะเลตั้งแต่อำเภอเทพา จะนะ เมือง สิงหนคร สทิงพระ และระโนด อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายของชายหาด เพื่อสรุปส่งไปยังจังหวัดเพื่อพิจารณาดำเนินการซ่อมแซมชายหาดที่ได้รับความเสียอย่างเร่งด่วน
นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สำหรับจังหวัดสงขลาได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “ปาบึก” ที่เคลื่อน ขึ้นฝั่งในเขตพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีผลกระทบต่อจังหวัดสงขลาจำนวน 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอระโนด, สทิงพระ,กระแสสินธุ์, สิงหนคร, เมืองสงขลา, ควนเนียง, รัตภูมิ, จะนะ และเทพา ตั้งแต่วันที่ 3-4 มกราคม 2562 ทำให้บ้านเรือน ได้รับความเสียหายจำนวน 3,594 หลัง จังหวัดสงขลาได้ดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนรวมถึงสิ่งสาธารณประโยชน์แล้วเสร็จ ส่วนผลกระทบอื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ
ขณะที่นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่าหลังจากนำเจ้าหน้าที่ เข้าสำรวจพื้นที่ประสบวาตภัย และอุทกภัยจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” ที่บ้านปากฮาย หมู่ 10 และบ้านม่วงลีบ หมู่ 2 ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ เมื่อวันที่ 13 มกราคม พบมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ เช่น เศษสวะ ต้นไม้ กิ่งไม้ พัดลงมาในคลองหวาด ทำให้น้ำกัดเซาะแนวตลิ่งพัง
นายวิชวุทย์กล่าวว่า ได้มอบให้โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี ส่งรถแบ๊กโฮ จำนวน 2 คันเข้าช่วยขนสิ่งกีดขวางทางน้ำและซ่อมแนวตลิ่งที่บ้านปากฮาย 2 จุด ระยะทาง 1,950 เมตรและที่บ้านม่วงลีบ จำนวน 2 จุดระยะทาง 2,200 เมตรโดยเร่งด่วน พร้อมให้ทางอำเภอและ อบต.เร่งสำรวจบ้านเรือนที่เสียหาย สิ่งสาธารณะประโยชน์ ด้านการเกษตรเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป
