2 นายพรานซิ่งจักรยานยนต์ชน จนท.เขื่อนศรีนครินทร์เจ็บ สุดท้ายไม่รอดโดนรวบพร้อมซากหมูป่า

นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ตนได้สั่งการให้ ว่าที่ร้อยตรี สิทธิศักดิ์ ฉันสิมา ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ (ส่วนกลาง) ให้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ภายในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์

เมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนไปถึงป่าบ้านปากเหมือง ท้องที่หมู่ 7 ต.ด่านแม่แฉลบ ที่พิกัด 47P 0491524 E 1623150 N คณะเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงและเห็นไฟส่องหน้าของรถจักรยานยนต์ วิ่งออกมาจากป่า จำนวน 2 คัน ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ซุ่มโป่ง รอให้รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันมาถึง

เมื่อมาถึง คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ส่องไฟส่งสัญญาณพร้อมแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่ปรากฏว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันได้พยายามเร่งเครื่องหลบหนี ด้วยการพุ่งชนเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย แต่เจ้าหน้าที่ที่เหลือก็ไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนสามารถจับกุมตัวผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันเอาไว้ได้ สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน 1 กฉ 7212 สุพรรณบุรี ที่พุ่งชนเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ มีนายปรีชา สอนเถื่อน อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 277 หมู่ 7 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ เป็นคนขับ ตรวจค้นพบมีดปลายแหลมที่พกติดตัวมาด้วย 1 เล่ม ซากหมูป่าอยู่ในถุงปุ๋ย ประกอบด้วย ซากหนัง จากการตรวจสอบ ซากหนังหมูป่า พบร่องรอยคล้าย รอยกระสุนปืน จำนวน 7 รู นอกจากนี้ ยังพบซากส่วนขาอีกจำนวน 4 ขา น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ส่วนที่กระเป๋าสะพายหลัง พบไฟฉายคาดหัว 1 อัน ถ่าน 2A จำนวน 4 ก้อน เปลนอน 1 ผืน สำหรับผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน ขทย 780 กาญจนบุรี มีนายปรีชา สงครามศักดิ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222/1 หมู่ 7 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ เป็นคนขับ จากการตรวจค้นพบซากหมูป่า อยู่ในถุงปุ๋ยประกอบด้วยซากหนัง และซากส่วนหัวของหมูป่า น้ำหนักรวมกัน 10 กิโลกรัม

Advertisement

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเสร็จ จึงคุมตัวบุคคลทั้งสองมาทำบันทึกข้อมูลรายละเอียดของกลางทั้งหมด ก่อนที่จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ใน 3 ข้อหา คือ 1.) “ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 16 (11) และมาตรา 27” 2.) ฐานห้ามมิให้บุคคลใดนำสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าออกไปหรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 16 (3) และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติพุทธศักราช 2504 และ 3.) ฐานห้ามมิให้บุคคลใดเก็บหาของป่าภายในป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ. ศ. 2507 มาตรา 14 และมาตรา 35

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image