บิ๊กโจ๊ก นำทีมลุยค้นบ้านอดีต ส.ว.ดัง ปราบนายทุนเงินกู้ ปัดไม่เกี่ยวการเมือง (มีคลิป)

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มกราคม ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. รอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ ผบช.ภ.4 นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผอ.กองคดี 1 ปปง. พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง แถลงผลงานการระดมปล่อยแถวกวาดล้างตามแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคนอาชญากรรม ทำบ้านเมืองน่าอยู่ ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อตรวจสอบช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับนายทุนเงินกู้ ซึ่งในวันนี้ได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ปฏิบัติการพร้อมกันรวม 5 จังหวัด มีนครพนม บึงกาฬ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา และอุบลราชธานี มีเป้าหมาย 13 ราย 18 จุด ในครั้งนี้มีชาวบ้านบางส่วนที่ได้รับความเดือดร้อนเดินทางมาให้ข้อมูลปัญหาความเดือดร้อน พร้อมมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ

โดยในส่วนของพื้นที่ จ.นครพนม ได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 21 หมู่ 4 ในเขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม พร้อมนำหมายศาลเข้าตรวจสอบจับกุมนายอิทธิพล เรืองวรบูรณ์ อายุ 74 ปี อดีต ส.ว.นครพนม ตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ที่ จ.6/2562 ลงวันที่ 22 มกราคม 2562 ฐานความผิด ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้ นอกจากดอกเบี้ยจะเอาหรือรับเอาซึ่งกำไรอื่นเป็นเงินหรือสิ่งของหรืออื่นๆ จนเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืม รวมถึงบุตรสาว คือ น.ส.กุหลาบ เรืองวรบูรณ์ อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ที่ จ.5/2562 ลงวันที่ 22 มกราคม 2562 เกี่ยวกับฐานความผิดเดียวกัน ซึ่งจากการตรวจสอบได้มีการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 260 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านพร้อมที่ดิน 3 หลัง อาคารพาณิชย์ 4 คูหา ทองรูปพรรณหนัก 130 บาท รถยนต์ 3 คัน และอาวุธปืน จำนวน 5 กระบอก เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของ ปปง. พร้อมดำเนินคดีกับทั้ง 2 รายตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งทั้ง 2 รายให้การปฏิเสธ และให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบเกี่ยวกับปัญหาหนี้สิน ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือแก้ไขชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ต้องยอมรับว่ามีปัญหามานาน แต่ทางรัฐบาลยังคงเร่งเดินหน้าแก้ไข ปราบปรามนายทุนที่เอารัดเอาเปรียบ ตามนโยบายรัฐบาลที่จริงใจทำงานแก้ไขความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ที่ผ่านมามีการร่วมกันปราบปรามแก้ไข 1 ปี สามารถคืนโฉนดจำนวน 60,000 ไร่ คิดมูลค่าเป็นเงินกว่า 19,000 กว่าล้าน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน เราเดินหน้าตรวจสอบแก้ไขต่อเนื่องให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม และยืนยันว่า การทำงานตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการเลือกตั้งใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการแก้ไขปัญหาจากข้อเท็จจริง เพราะเป็นปัญหาสำคัญของประชาชน และขอให้มั่นใจว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผ่านมาอาจมีบางรายล่าช้ายังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ยืนยันว่าทางตำรวจไม่ได้ละทิ้ง แต่มีคนเดือดร้อนจำนวนมาก ต้องทำตามขั้นตอน หากตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า วันนี้ในส่วนของนครพนมได้มีการตรวจสอบอายัดโฉนดที่ดินกว่า 150 ฉบับ รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เพื่อเข้าสู่ขบวนการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังจะได้ร่วมกับทาง ปปง.

Advertisement

ทำการตรวจสอบตามขั้นตอน หากไม่มีความผิดตามกฎหมายเราให้ความเป็นธรรม แต่หากมีการเอารัดเอาเปรียบจะต้องดำเนินคดี รวมถึงนำสู่ขบวนการอายัด หากเชื่อมโยงการกระทำผิดเส้นทางการเงิน จะมีการยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ในการลุยปราบปรามแก้ไขปัญหาสิ่งสำคัญที่สุดคือ ข้อมูลจากชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อน หากประชาชนที่เดือดร้อนสามารถแจ้งเบาะแส ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือได้กับตำรวจทุกพื้นที่ ยืนยันว่าจะทำงานตรงไปตรงมา เน้นช่วยเหลือแก้ไขชาวบ้านที่เดือดร้อนตามความเป็นจริง และจะมีการเดินหน้าปราบปรามตรวจสอบจริงจัง หากพบว่าใครกระทำผิดไม่มีละเว้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image