จากกรณี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาค 4 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจการบุกรุกพื้นที่ป่าเตรียมการเป็นป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าไม้ พ.ศ.2484 ในเขตพื้นที่บริเวณป่าสันระเบิด ใกล้อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ถึงความไม่ชอบมาพากลของเจ้าหน้าที่รัฐ เกรงกลุ่มนายทุนเข้ามามีอิทธิพล ทำให้ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าดังกล่าวจริง จากร่องรอยการแผ้วถาง ตัดไม้ทำลายป่า และยึดครองเป็นพื้นที่ทำกินจำนวนหลายพันไร่ ทั้งยังมีถนนตัดผ่านเพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มนายทุนในการขนย้ายไม้ผิดกฎหมายนั้น
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ประชุมนายอำเภอทุกอำเภอ เพื่อมอบนโยบายและสั่งกำชับกรณีปัญหาการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.วิภาวดี
นายวิชวุทย์กล่าวว่า เรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และได้มีคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 เกี่ยวกับเรื่องป่าไม้โดยเฉพาะ ซึ่งจากกรณีเกิดขึ้นที่ อ.วิภาวดี ได้สั่งการมอบให้นายอำเภอทุกอำเภอลงไปตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดและรีบรายงานให้ทางจังหวัดทราบ อย่าให้เกิดแบบที่ อ.วิภาวดี อย่างเด็ดขาด
“ปัญหาการลักลอบบุกรุกแผ้วถางป่าทางรัฐบาลและแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ความสำคัญมาก ผมได้สั่งการให้นโยบายนายอำเภอทุกอำเภอและป่าไม้ คดีที่เกี่ยวกับบุกรุกทำลายป่าไม้ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากให้ดำเนินคดีอาญาอย่างถึงที่สุดแล้ว จะต้องดำเนินการฟ้องเพ่งต่อศาลเรียกค่าเสียหายในทุกคดีไม่ไว้หน้าใคร เพราะเมื่อกล้านำรถไถ รถแทรกเตอร์เข้ามาบุกรุกก็ต้องฟ้องร้องเอาให้หนักซึ่งลำพังชาวบ้านคงไม่มีกำลังเช่นนั้น “นายวิชวุทย์กล่าว
นายวิชวุทย์กล่าว และว่า จะหารือปัญหาการรื้อถอนผลอาสินต้นยางพารา ปาล์มน้ำมันที่ผู้บุกรุกนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ลักลอบแผ้วถางป่าที่เรื้อรังมานานจะต้องมีทางออก เพราะพื้นที่เสียหายเป็นของรัฐ จะปล่อยรอคดีจนต้นไม้โตขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ หากไม่ทำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่
พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า คดีบุกรุกป่าในพื้นที่ อ.วิภาวดี มาจากการปฎิบัติสืบสวนและจับกุมของเจ้าหน้าที่ สภ.วิภาวดี ซึ่งได้กลุ่มผู้ต้องหา 6 คน พร้อมรถบรรทุกไม้ที่กำลังขนย้ายออกจากพื้นที่ และขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องอีกรวม 11 คน ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อส่งฟ้องในทุกคดีไม่มีละเว้น
