ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งภายในซอยเพชรเกษม 114 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม.จากนั้นฉุด น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง หรือ “น้องหญิง” อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 17 ต.โคกปี่ฆ้อง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒษ 4515 กทม. ขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 13 ธันวาคม 2559
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่จนกระทั่งทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นเป็นใคร และสามารถขออนุมัติหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 2.นายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ 2 ต.ดอนชะเอม อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 3.นายชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 281/69358 หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 4.นายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/33 หมู่ 8 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 5.นายสามารถ แสงสิน อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199 หมู่ 9 ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี 6.นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ อายุ 24 ปี ชาว จ.ราชบุรี และ 7.น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มกราคม กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ยอมรับสารภาพว่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง สาวทอม อายุ 28 ปี ได้ถูกทำร้ายเสียชีวิต และนำศพไปฝังไว้ที่ริมแม่น้ำแควน้อย ภายในรีสอร์ตร้างแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ดังนั้น พ.ต.ท.อดิศร แก้วโหมดตาด รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หนองค้างพลู จึงรีบนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบบริเวณจุดที่ได้รับแจ้ง ในที่สุดพบศพของ น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง อยู่ในสภาพเปลือยกาย นอนคว่ำหน้า ถูกมฝังอยู่ในหลุมลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1.50 เมตร ยาวประมาณ 3 เมตร โดยมีปูนโบกทับปากหลุมเอาไว้
สำหรับผู้ต้องหาที่ร่วมลงมือก่อเหตุรวมทั้งผู้บงการ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เกือบทั้งหมด ยังคงเหลือ นายชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ นายภาณุเมศวร์ หรือ “จิ๋ว มีลา” และ ด.ต.สามารถ แสงสิน อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายชัยยุทธ หรือ “จบ เบ็ญจชาติ” ได้เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมาตามที่ได้เสนอจนเป็นข่าวดัง
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 30 มกราคม พ.ต.อ.ธีระพงษ์ ฤทธิ์จรูญ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.ฐิติกร วันเจริญพันธุ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.กฤตย์ วงษ์ศรีเมือง พ.ต.ต.เสริมศักดิ์ มุ่งเงินทอง สวป.ได้ร่วมสั่งการให้ ร.ต.อ.กิตติโชติ บุญเชิด รอง สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ไปตั้งจุดตรวจด้านความมั่นคงที่บริเวณ 3 แยกไฟอดงวงเวียนวัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง หรือวัดเหนือ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ซูซูกิ สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 4431 สุพรรณบุรี วิ่งผ่านมาเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น โดยระหว่างสอบถามเพื่อขอดูใบขับขี่รถยนต์ ปรากฎว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีใบขับขี่ อีกทั้งท่าทางมีพิรุธ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงมาจากรถ พร้อมกับตรวจค้นภายในรถยนต์ ปรากฏพบสิ่งผิดกฎหมายหลายรายการประกอบด้วย 1.อาวุธปืนขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 1 กระบอก 2.เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 15 นัด 3.ยาไอซ์ 3 ถุง น้ำหนักรวม 29.98 กรัม และ 4.ยาบ้าจำนวน 7 เม็ดและจากการตรวจปัสสาวะ พบฉี่เป็นสีม่วง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ทราบชื่อภายหลังคือ นายสามารถ แสงสิน หรือ “ดาบมารถ” อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199/9 หมู่ 9 ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
และจากการตรวจสอบประวัติพบ นายสามารถ เป็น 1 ในทีมผู้ก่อเหตุ ฆ่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง และเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ มจ.22/2560 ลงวันที่ 20 มกราคม 2560 ในข้อกล่าวหา “ร่วมกัน ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจ จำยอมต่อสิ่งนั้น หน่วงเหนียวหรือกักขังผู้อื่น ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปกปิดการตาย หรือ เหตุแห่งการตาย” โดยหลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมตัว นายสามารถ ได้ หลังหลบหนีคดีมากว่า 2 ปี จึงประสานไปยัง สน.หนองค้างพลู มาตรวจสอบ
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.อดิศร แก้วโหมดตาด รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หนองค้างพลู ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้เดินทางมาสอบปากคำนายสามารถ แสงสิน เพิ่มเติม ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยเมื่อมาถึง พ.ต.ท.อดิศร พร้อมเจ้าหน้าที่ สน.ห้วยค้างพลู ได้เข้าไปพบนายสามารถ ภายในห้องฝากขัง จากนั้นได้พิมพ์ลายนิ้วมือ พร้อมถ่ายภาพเอาไว้เพื่อทำประวัติอาชญากรรม โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงใส่เครื่องพันธนาการเอาไว้ และนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมภายในห้องพนักสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำตัวนายสามารถออกมาจากห้องฝากขัง พบว่า นายสามารถ หรือดาบมารถ มีสีหน้าที่เรียบเฉย โดยไม่มีความเคร่งเครียดให้เห็นแต่อย่างใด ทั้งนี้ หลังจากที่ พ.ต.ท.อดิศร แก้วโหมดตาด รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หนองค้างพลู สอบปากคำแล้วเสร็จ จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายสามารถเพิ่มเติมในข้อหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน
พ.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สน.หนองค้างพลูตามหมายจับศาลตลิ่งตลิ่งชันนั้น นายสามารถจะต้องถูกดำเนินคดี ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรีก่อน ในข้อหา 1.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 3.ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่1 ( ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต 5. เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย 6.มีสารเสพติดให้โทษประเภทที่1(ยาบ้า) อยู่ในร่างกายขณะขับขี่ยานพาหนะโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และ 7.ไม่มีใบอนุญาตขับขี่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้คดีผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี แต่นายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา 1 ในทีมสังหารสาวทอม ยังคงหนีลอยนวลอยู่ คาดว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมตัวได้อย่างแน่นอน
