เมื่อวันที่ 30 มกราคม ร.ต.อ.กิตติพศ คำดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทรายมูล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุลักพระโบราณภายในวัดบูรพารามใต้ บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.ทรายมูล จ.ยโสธร จึงไปตรวจสอบภายในวัดบูรพารามใต้ พบห้องเก็บพระพุทธรูปเก่ามีกุญแจที่ล็อกประตูทางเข้าถูกตัดจนหลุดออกทิ้งอยู่บริเวณพื้น ภายในห้องพบว่ามีพระพุทธรูปไม้แกะสลักเก่าแก่ซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็งมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี จำนวน 3 องค์ถูกขโมยไปและไม่สามารถประเมินราคาได้ เนื่องจากอยู่คู่กับวัดแห่งนี้มานาน เมื่อถึงประเพณีสงกรานต์ของทุกปีทางวัดจะนำพระพุทธรูปออกไปให้กับชาวบ้านได้ร่วมกันสรงน้ำพระเป็นประจำทุกปี
จากการสอบถาม พระสมพงษ์ กะตะธัมโม พระสงฆ์ในวัดที่เห็นคนร้าย เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 11.40 น. ขณะนั้น พระสงฆ์ภายในวัดกำลังฉันเพลอยู่และหลังจากที่ตนฉันเพลเสร็จจึงเดินลงมาจากศาลาการเปรียญจึงพบว่ามีชายอายุประมาณ 30 ปีเศษ นั่งอยู่ใกล้กับห้องเก็บพระพุทธรูปเก่า จึงถามว่ามาทำอะไรชายคนดังกล่าวตอบว่า จะเอาพระมาคืนพร้อมกับนำโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเพื่อเฉไฉไปเรื่องอื่น สักพักสังเกตเห็นว่าชายคนดังกล่าวสะพายย่ามและมีพระพุทธรูปไม้แล้วรีบเดินขึ้นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้สีบรอนไม่ทราบหมายเลขทะเบียนที่จอดเอาไว้บริเวณใกล้เคียงห้องเก็บพระพุทธรูปเก่าแล้วขับรถออกจากวัดไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาตนจึงรีบแจ้งให้กับคณะกรรมการวัดทราบ พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยวิทยุสกัดจับคนร้ายตามเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี แต่ยังไม่พบตัว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในห้องเก็บพระพุทธรูปเก่า พบมีพระพุทธรูปไม้เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี จำนวน 3 องค์ แต่ละองค์สูงประมาณ 1 ฟุตหายไป นอกจากนี้ พบตู้ไม้ที่เก็บพระไตรปิฎกและคัมภีร์ถูกเปิดออกและมีร่องรอยรื้อค้นแต่ยังตรวจสอบไม่ได้ว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือไม่ เนื่องจากภายในห้องเก็บพระพุทธรูปเก่ามีพระพุทธรูปกว่า 100 องค์และสิ่งของอย่างอื่นอีกจำนวนมากที่เก็บเอาไว้ จึงต้องรอให้กรรมการวัดเข้าไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเป็นกลุ่มนักสะสมของเก่าหรือคนที่รับจ้างหาพระพุทธรูปเก่าตามใบสั่งที่มักจะตระเวนก่อนเหตุในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจะได้ออกสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปและจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าไปเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายอีกครั้งเพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุต่อไป
