สสส.ร่วมเรือนจำอุบล เปิดเรือนจำ นำเยี่ยมชีวิตผู้ต้องขังหลังกำแพง

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์และ ผศ.ดร.ธีรวัลย์ วรรธโนทัย หัวหน้าโครงการเรือนจำสุขภาวะ:พัฒนาคุณภาพชีวิตหลังกำแพง น.ส.จำปา ไขแสง นักทัณฑวิทยาชำนาญการพิเศษ ผอ.ส่วนการพัฒนาผู้ต้องขัง จ.อุบลราชธานี นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะ ประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้เปิดเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมความเป็นอยู่หลังกำแพง ภายใต้โครงการเรือนจำสุขภาวะ:พัฒนาคุณภาพชีวิตหลังกำแพง

โดยโครงการเรือนจำสุขภาวพัฒนาคุณภาพชีวิตหลังกำแพง เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ(สสส.)หลังใช้การวิจัยเชิงปฎิบัติการแบบมีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับเรือนจำนำร่องทั้ง 3 แห่ง อาทิ เรือนจำกลางอุบลราชธานี เรือนจำกลางอุดรธานี เเละเรือนจำกลางราชบุรี ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ตามแผนองค์ประกอบ 7ด้าน ได้แก่ 1.เพิ่มความสามารถในการดูแลตนเองของผู้ต้องขัง 2.ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคที่พบบ่อยในเรือนจำ 3.เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพ 4.ผู้ต้องขังมีกำลังใจ มีพลังชีวิต คิดบวก 5.ดำรงชีวิตอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรและเอื้ออาทร 6.สามารถธำรงบทบาทของการเป็นแม่ ลูก และสมาชิกในครอบครัว 7.มีโอกาสสร้างและมีที่ยืนในสังคมได้

โดยการปรับเปลี่ยนเรือนจำให้เป็นพื้นที่ในการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังมีประสบการณ์ในเชิงบวก มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ รวมถึงการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ในการเตรียมความพร้อม เพื่อออกไปเผชิญและใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพเมื่อคราวพ้นโทษ ซึ่งมีการฝึกฝีมือวิชาชีพตามความชอบและถนัดต่างๆมากมาย อาทิ การเพ้นท์วาดรูป ถักโครเชต์ จัดสวนถาด ศิลปะบำบัด รวมถึงมีการสอนให้ฝึกเรียน โยคะ เพื่อสงเสริมสุขภาวะ จิต มีสมาธิ ไม่เครียด และคิดบวก เนื่องจากการอาศัยอยู่ภายในเรือนจำเป็นเวลานานและมีเนื้อที่จำกัดมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ต้องขังที่มีจำนวนมาก ไร้ความอิสระบางครั้งอาจเกิดสภาวะ กดดัน ความเครียด ทั้งทางกายและจิตใจให้กับผู้ต้องขัง

ซึ่งจากข้อมูลสถิติตัวเลขของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวและกลับไปกระทำผิดซ้ำในช่วงเวลา 3ปีหลังได้รับการปล่อยตัวอยู่ที่ร้อยละ 27%(คิดจากจำนวนผู้ต้องขังเด็ดขาดที่เคยกระทำผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง) โดยคาดการว่าในอนาคตอีก 5-10ปีข้างหน้า จะสามารถลดอัตราการกระทำความผิดซ้ำของไทยจะลดลงเหลือประมาณเพียงร้อยละ 10%ให้ได้ตามเป้าหมาย

Advertisement

รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ หัวหน้าโครงการเรือนจำสุขภาวะ:พัฒนาคุณภาพชีวิตหลังกำแพง เปิดเผยว่า เราเชื่อมั่นว่าโครงการที่เรามอบให้นี้จะเป็นกำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจ คิดบวก เสริมพลังในชีวิต มีเป้าหมาย มีวิธีคิดที่ดี จิตดี มีสุข ให้กับผู้ต้องขังทั้งที่อาศัยอยู่ภายในเรือนจำและที่กำลังพ้นโทษออกไปสู่อิสระภาพ ออกกลับไปอยู่กับครอบครัวและสังคมที่แท้จริง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราได้เตรียมปรับเปลี่ยน บ่มเพาะขัดเกลา จิตใจ ส่งเสริมฝึกอาชีพ สร้างต้นกล้า สุขภาวะ ที่ดีเริ่มต้นมาจากภายในเรือนจำก่อนแล้ว ซึ่งทั้งหมด ทั้งมวลที่เราได้สร้าง โครงการ สุขภาวะ ที่ดีขึ้นให้กับ ผู้ต้องขังนั้น จะสำเร็จหรือไม่ ส่วนหนึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับทางสังคมต้องให้และเปิดโอกาส “เราขอเพียงให้พวกเขาเรานั้นได้กลับมามีที่ยืนในสังคมได้บ้างอีกครั้งหนึ่ง”โปรดเห็นใจและอย่าปิดกั้นหรือตีตราพวกเขาไปจนตลอดชีวิตอีกเลย สิ่งนี้สำคัญยิ่งในการเป็นตัวแปรที่จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีตัวเลือกที่จะไม่หวนกลับไปสู่วังวนเดิมในการกระทำความผิดซ้ำขึ้นได้อีก

นางปราณี (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ครูสอนโยคะระดับเหรียญทองแดง เปิดเผยว่า ในอดีตตนเคยเดินทางผิดพลาดและถูกต้องโทษจองจำในเรือนจำอุบลราชธานีแห่งนี้มาก่อน ปัจจุบันได้พ้นโทษออกมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว ได้พูดเปิดใจต่อไปว่า ครั้งแรกสำหรับผู้ต้องขังที่เข้ามาอยู่ใหม่ทุกๆคน จะเกิดความเครียด คิดถึง ครอบครัว คิดถึงบ้าน ไร้ความอิสระ มีความกดดันเครียด ทบทวนเรื่องต่างๆนอนไม่หลับ กินไม่ค่อยได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปและอยู่ในพื้นที่จำกัด เวลาล้มตัวลงนอนก็จะหงายหน้าเห็นแต่ เพดานปูนสีขาว คิด เครียด ฟุ้งซ่าน สภาวะจิตใจไม่ปกติ จนกระทั่ง อาจารย์ได้นำโครงการ สุขภาวะ เข้ามาภายในเรือนจำ ได้ทำ ได้ลองกิจกรรมต่างๆมากมาย เริ่มที่จะไม่เครียด จิตใจดีขึ้น จนกระทั่งได้มาฝึกเรียน โยคะ จึงเกิดความชอบขึ้นมาอย่างจริงจัง เพราะมันได้ มีสมาธิ อารมย์แจ่มใส มีวินัย และที่สำคัญทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง กระทั่งร่ำเรียนฝึกตามครูสอนโยคะ ของโครงการนี้ จนเก่ง ช่ำชอง และชำนาญ จนสามารถเล่นท่ายากและท่าแอดวานซ์ได้ หลายท่า กระทั่งพ้นโทษออกมาเคยไปสมัครแข่งขันโยคะ ในสถานที่แห่งหนึ่งจนได้ระดับรางวัลเหรียญทองแดงมาแล้ว และเล่นโยคะ พัฒนาเรื่อยๆมา จนได้มีโอกาสตระเวณได้เข้าไปสอนโยคะ ภายในเรือนจำต่างๆอีกครั้งหนึ่ง และได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ สุขภาวะนี้ด้วย ซึ่งทางตนเองก็ดีใจ และมีความยินดีที่ได้ตอบแทน คืนสู่สังคม ในการช่วยสร้างฝึกจิตสำนึกที่ดีๆให้กับผู้ต้องขังอีกครั้ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนอยากร้องขอทางสังคม ให้ช่วยเปิดโอกาส “ขอแบ่งพื้นที่ยืนทางสังคมให้กับผู้ที่เคยต้องโทษออกมาได้ใช้ชีวิตกลับมามีตัวตนอีกครั้ง อย่าตีตราหรือบอยคอต เขาไปตลอดชีวิตเลย” ซึ่งมีหลายคนที่อาจพลาดพลั้งหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้กระทำความผิดลงไป และได้ถูกรับโทษจองจำตัดขาดจากความอิสระ ครอบครัว คนที่รัก และสูญเสียสังคมที่เคยอยู่ไปแล้ว หากพวกเขาเหล่านั้นได้ชดใช้ในสิ่งที่กระทำลงไปแล้ว เมื่อพ้นโทษออกมา โปรดเมตตาให้โอกาสอย่ากีดกัน ขอที่ยืนทางสังคมบ้าง และอย่าตราหน้าเขาไปตลอดชีวิตอย่างที่ตนเคยเจอมาอีกเลย และขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนสำหรับโครงการเรือนจำ สุขภาวะ ที่มอบสิ่งที่ดีให้กับผู้ต้องขัง ได้กลับมามีชีวิต มีความหวัง มีแรงบันดาลใจอีกครั้งหนึ่ง

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image