วันที่ 14 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ รื่นถวิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงผลกระทบจากการเกิดวาตภัยเมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นสำรวจพบความเสียหายจำนวน 10 อำเภอ 28 ตำบล 59 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 242 ครัวเรือน 734 คน บ้านเสียหาย 239 หลัง ยุ้งข้าว 20 หลัง คอกสัตว์ 11 หลัง โรงเรือนเก็บพืชผลการเกษตร 2 แห่ง สถานที่ราชการ 2 แห่ง เสาไฟฟ้าล้ม 24 ต้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. จนถึงขณะนี้รวมกว่า 2 สัปดาห์ จ.นครราชสีมาประสบพายุฤดูร้อนถล่มในพื้นที่ ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 29 อำเภอ 144 ตำบล 471 ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,486 ครัวเรือน 6,726 คน บ้านเรือนเสียหาย 2,150 หลัง ยุ้งข้าว 93 หลัง คอกสัตว์ 74 หลัง วัด 7 แห่ง สถานที่ราชการ 25 แห่ง และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ 29 แห่ง
นายสุเทพกล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังมีการแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคจำนวน 8 อำเภอ 21 ตำบล 42 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.เมือง 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน, อ.ขามสะแกแสง 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน, อ.ปากช่อง 7 ตำบล 10 หมู่บ้าน, อ.วังน้ำเขียว 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน, อ.สูงเนิน 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน, อ.โนนไทย 4 ตำบล 6 หมู่บ้าน, อ.ด่านขุนทด 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน และ อ.เทพรักษ์ จำนวน 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพกล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบสภาวะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 17 พ.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศร้อน ฟ้าหลัวตอนกลางวัน มีอากาศร้อนจัด อาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่
ขณะที่นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกแห่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งข้อมูลเตือนภัยให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น และสื่อต่างๆ เพื่อเตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากอากาศที่แปรปรวน ให้หน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ ยานพาหนะ และกำลังพลให้พร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดภัยพิบัติ
