ตร.น้ำร่วมกับศุลกากรภูเก็ต ตรวจยึดเครื่องยนต์-เกียร์เรือและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเลี่ยงภาษี กว่า 44 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซุกซ่อนในแพปลาเลี่ยงภาษี พบนำขึ้นจากเรือประมงเก่าต่างประเทศที่แจ้งจม เตรียมนำส่งซ่อมแซมขายตามออเดอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง ผกก.8 บก.รน. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สว.สว.ส.รน.3 กก.8 บก.รน. พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ พฤกษธาราธิกูล สว.ปราบปรามทางน้ำ กก.8 บก.รน. และนายก่อจรูญ แก้วยวน นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ เข้าตรวจสอบบริเวณปากทางเข้าแพแสงนอก ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบนำสินค้าที่ไม่ผ่านศุลกากรเข้ามาซุกซ่อน
จากการตรวจสอบพบเครื่องยนต์เรือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเรือ และเกียร์เรือ จำนวน 44 ชิ้น แบ่งเป็น เครื่องยนต์เรือจำนวน 9 เครื่อง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 22 เครื่อง และเกียร์เรืออีกจำนวน 13 เครื่อง ตรวจสอบแต่ละเครื่องที่ถูกซุกซ่อนคลุมด้วยพลาสติกอยู่ ไม่พบหมายเลข เนื่องจากมีการลบ จึงตรวจยึดกลับไปยังด่านศุลกากรภูเก็ต เพื่อติดตามดำเนินคดีกับเจ้าของในข้อหาลักลอบหนีศุลกากร โดยการนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร ลักลอบหนีศุลกากร เป็นความผิดฐานหนึ่งในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 กำหนดโทษให้ปรับ 4 เท่าของราคาสินค้ารวมค่าอากรหรือจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือทั้งปรับทั้งจำ สำหรับมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท
พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ กล่าวว่า กองกำกับการ 8 สืบทราบว่ามีขบวนการที่นำเรือเก่าจากต่างประเทศที่ใช้แล้วมาจอดยังจังหวัดภูเก็ตก่อนจะทยอยถอดเครื่องยนต์และอุปกรณ์เรือและทำให้จมลง จากนั้นจึงแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเรือจม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบเรือได้ เจ้าของเรือจึงนำเครื่องยนต์และอุปกรณ์เรือที่ถอดเก็บไว้แล้ว มาขายให้กับเอเย่นต์คนไทย โดยไม่มีการผ่านศุลกรกร เพื่อส่งไปซ่อมใหม่ในกทม.เพื่อให้มีสภาพเหมือนใหม่ ก่อนจะส่งขายตามออเดอร์ในราคาถูกกว่าเครื่องใหม่ถึง 2 เท่าตัว เช่นเครื่องยนต์ใหม่ราคา 4 – 5 ล้านบาท ก็เครื่องเหล่านี้จะขายเพียง 1 – 1.5 ล้านบาท ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มเรือในประเทศไทยจะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามมาประมาณ 2 เดือนเศษจนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว
จากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นเครื่องยนต์ของเรือปลาประมงทูน่าเก่าจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะหาแนวทางป้องกันและตรวจสอบไม่ให้มีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายในลักษณะเช่นนี้ต่อไป
