จากกรณีสาววัย 19 ปี ชาว อ.เมือง จ.ยโสธร ใช้มีดปอกผลไม้ปาดคอลูกชายวัย 3 ขวบ เสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านของตาอายุ 63 ปี และยายอายุ 37 ปี หลังเกิดเหตุผู้เป็นยายโทรแจ้งกู้ชีพ อบต.ดู่ทุ่งและนำตัวเด็กชายส่ง รพ.ยโสธร แต่เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล
ล่าสุดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ร.ต.อ.นิยุทธ ยศสมบัติ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองยโสธร ได้สอบปากคำแม่วัย 19 ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าปาดคอลูกชายวัย 3 ขวบ ทั้งประเด็นแรงจูงใจและมูลเหตุ โดยจะสอบในประเด็นที่ นางนก ชาว จ.สุรินทร์ ชักชวนให้ถ่ายภาพวาบหวิวส่งให้ โดยนางนกบอกว่ามีคนต้องการ โดยจะจ่ายให้ครั้งละ 3,000-5,000 บาท จึงถ่ายภาพส่งไปให้เมื่อ 2 ปีก่อน แต่กลับไม่ได้เงินและยังถูกโพสต์ข่มขู่เอาเงินอีกต่างหาก เบื้องต้นตำรวจจะได้ออกหมายเรียก นางนกมารับทราบข้อกล่าวหาข่มขู่กรรโชกทรัพย์ และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าคอมพิวเตอร์
ด้านพ่อของเด็ก 3 ขวบและอดีตสามีของผู้ต้องหา หลังรู้ข่าวจากทางสื่อมวลชนก็ได้เดินทางกลับมาจากไปทำงานที่ จ.ชลบุรี โดยกล่าวว่า “เมื่อตนเห็นโลงศพก็เหมือนฝัน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นลูกชาย เคยเห็นผ่านสื่อต่างๆ ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมาเกิดกับครอบครัวตน เสียใจอย่างที่สุด ส่วนอดีตภรรยาที่ทำร้ายลูกจนเสียชีวิต ตนอโหสิกรรมและให้ชดใช้กรรมที่ก่อในคุก ตนว่าเขาสำนึกได้จะยิ่งเจ็บช้ำมากกว่าใคร
ขณะที่ยายของเด็ก 3 ขวบ กล่าวว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุ จริงๆ แล้วเป็นบ้านหลังติดกับพ่อสามี โดยเมื่อ 3 ปีก่อน มีเหตุยิงกันเสียชีวิตในบ้าน ปัจจุบันปล่อยทิ้งร้าง ตนเชื่อว่ามีวิญญาณร้ายวนเวียนอยู่บ้านหลังนั้น และหลานตนกับแม่ไปอาศัยอยู่บ้านปู่ ที่อยู่ติดกัน ลูกสาวและหลานชายอาจจะเข้าไปในบ้าน และโดนวิญญาณสิงสู่ ลูกสาวยิ่งเป็นคนขวัญอ่อน จึงเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สาววัย 19 ปี ผู้เป็นแม่ และผู้ต้องหาให้การว่า ได้ลงมือขณะที่ลูกชายกำลังนั่งคุกเข่าเล่นของเล่น ที่เป็นตุ๊กตาไดโนเสาร์อย่างไร้เดียงสา อยู่บนเสื่อข้างห้องนอน
