‘เราคุยกัน 3 ชั่วโมงกว่าอย่างมิตร’ บรรจง นะแส โพสต์เฟซ หลังธนาธรนัดคุย

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม นายบรรจง นะแส อดีตนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย แกนนำองค์กรพัฒนาเอกชนด้านการทำประมง และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังมีโอกาสพบกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า “คนรุ่นใหม่ที่ชื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนอะไร หลังจากเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ไปเปิดเวทีหาเสียงที่ภาคตะวันออก มีการพูดถึงนโยบายพรรคในเรื่องประมงในทำนองว่าจะต้องยกเลิกพระราชกำหนดการทำประมง 2558 จะทบทวนมาตรการ IUU ผมก็โพสเฟซบุ๊กสวนไป 2-3 ประเด็นว่าพวกคุณรู้จักปัญหาของทรัพยากรในทะเลและชาวประมงดีแค่ไหนก็มีน้องที่รู้จักบอกมาว่า คุณธนาธรจะขอคุยด้วยจะคุยกับเขาไหม ผมบอกไปว่ายินดี แล้วเราก็นัดแนะคุยกันเพียง 3 คน ผมไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่ทราบมาว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่สนใจปัญหาบ้านเมืองมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ทราบมาว่าเคยลงมาช่วยพี่น้องที่จะนะสมัยที่ต่อสู้กับโครงการโรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซไทยมาเลย์หรือการลุกขึ้นสู้ของพี่น้องกรณีปากมูลในสมัยนั้น การเป็นคนสนใจปัญหาของสังคมสำหรับผมถือว่าเป็นกัลยาณมิตร

“ผมคิดว่าเรายืนกันอยู่คนละจุดที่เห็นปัญหาและทางออกแตกต่างกัน ผมแค่คนทำงานพัฒนาที่สนใจเฉพาะเรื่องที่ลงมือทำคือปัญหาของทะเลไทยที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประมงพื้นบ้าน 30 กว่าปีที่ขลุกอยู่กับปัญหา เมื่อฟังนโยบายที่เขาอยากทำหรือพรรคอื่นๆ ที่แถลงต่อสาธารณะถ้าผมเห็นว่ามันไม่ใช่ ผมก็ทำได้แค่ตอบโต้ ตั้งคำถามไปตามช่องทางที่พอมี เราคุยกัน 3 ชั่วโมงกว่าอย่างมิตร และคิดว่าผมเข้าใจเขาในระดับหนึ่ง และคิดว่าเขาก็คงเข้าใจคนแก่อย่างผมไประดับหนึ่งเช่นกัน

“ช่วงหลังพรรคของเขาพูดเสนอหลายเรื่อง บางเรื่องเป็นแค่กรอบความคิด บางเรื่องก็วิพากษ์วิจารณ์ที่ถูกสังคมมองว่ารุนแรงก้าวร้าว สำหรับผมรู้สึกเฉยๆ พวกคุณคือพวกที่ไปเรียกทหารออกมา คุณธนาธรไม่ได้ว่าผมเช่นนี้แต่ในทีมงานเขาหลายคนพูดเช่นนี้ ผมก็ได้แต่คิดในใจและอยากจะตอบว่า ‘ทหารไม่ใช่มอเตอร์ไซค์รับจ้างปากซอยนะที่กวักมือเรียกได้ง่ายๆ’ เพราะถ้าจะให้อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งมีรายละเอียดมากมาย ที่แต่ละคนตัดสินใจนำตัวเองเข้าสู้ การใช้ตรรกะ วาทกรรมง่ายๆ อธิบายหรือสรุปมันหยาบเกินไป และด้วยความสัตย์จริงผมไม่เคยรู้สึกโกรธเกลียดพวกเขาเหล่านั้นเลยสักนิด อาจจะเพราะแก่แล้วหรือเพราะเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อสาร เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา การทำอะไรลงไปของตัวเองในเวลานั้นเราใคร่ครวญและตัดสินใจอย่างเคารพตัวเอง

Advertisement

“คนรุ่นใหม่ของสังคมมีทุกยุคทุกสมัยและในทุกองค์กร ผมมีคดีความเวลาไปขึ้นศาล ผมก็พบอัยการ ศาล ตำรวจหรือในสถาบันการศึกษาที่เป็นครูอาจารย์เป็นนักศึกษาที่เป็นคนหนุ่มสาวมากมาย ทำงานในหมู่บ้านก็พบคนรุ่นใหม่ของชุมชน คนรุ่นใหม่คือผู้ที่จะสืบทอดสังคมในวันข้างหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นเก่าอย่างเราจะนั่งงอมืองอเท้าให้คนรุ่นใหม่เลี้ยงดูหรือสร้างสังคมให้เราอยู่ ตราบใดที่สมองยังทำงาน มีปากเสียงที่จะพูด แสดงความคิดเห็นหรือลุกขึ้นมาต่อสู้ถกเถียง/เรียกร้องในหมู่คนรุ่นเก่ากันเองหรือกับคนรุ่นใหม่ ที่ปกครองเราอยู่ในปัจจุบันหรือเสนอตัวหรือทำหน้าที่ปกครองเราในอนาคต ก็ยังเป็นสิ่งที่จะต้องทำกันต่อไป

“การเสนอตัวออกมาเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนในนามพรรคการเมือง ผมถือว่าเป็นการเสียสละและผมรู้สึกเคารพในผู้ที่เสียสละเหล่านั้นทุกๆ คนในทุกพรรคการเมือง ผมดีใจที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีช่องทางที่จะทำให้พรรคการเมืองเล็กๆ หรือพรรคใหม่ๆ มีโอกาสได้ทำหน้าที่ในรัฐสภา เพราะถ้าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเก่าที่ว่าด้วยพรรคการเมืองการเลือกตั้ง ผมมองไม่เห็นทางว่าพรรคใหม่ๆ คนรุ่นใหม่ๆจะมีโอกาส และในอนาคตถ้าระบบการเลือกตั้งเช่นนี้ ยังดำรงอยู่ ผมก็ฝันจะเห็นพรรคของเกษตรกรตามสาขาอาชีพในสังคมไม่ว่าชาวประมง/ชาวสวนยาง/ชาวไร่ชาวนาโดยมีคนที่เป็นเกษตรกรหรือลูกหลานของชาวประมง/ชาวนา/ชาวสวนชาวไร่ได้มีพรรคการเมืองของตัวเองจะได้มีสิทธิ์มีเสียงตรงไปตรงมาต่อการบริหารจัดการบ้านเมืองมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image