เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2562 นายชาญยุทธ์ ตรีศัพท์ แกนนำชาวนา เขต จ.พระนครศรีอยุธยา และกรรมการสมคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาเตือนทุกภาคส่วน ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้ง โดยอาจขาดน้ำทำการเกษตร เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนมีไม่มาก และสภาพอากาศที่ร้อนจัด
ประเด็นดังกล่าว เป็นสิ่งที่เกษตรกรทั่วประเทศเฝ้าจับตามอง เนื่องจากเหตุการณ์ภัยแล้งมีสิทธิเป็นไปได้อย่างชัดเจน ด้วยสภาพอากาศร้อนจัด และภัยแล้งมาเร็วมาก รวมถึงมีความรุนแรง ที่สำคัญฝนไม่ตก ซึ่งประเมินแล้วภาคอีสานอาจได้รับผลกระทบมากที่สุด แม้ว่ามีพายุฝนฤดูร้อนพัดในบางครั้ง แต่ดินในภาคอิสานไม่อุ้มน้ำ ทั้งนี้สมาคมฯได้ประสานไปยังกรมชลประทาน กรมฝนหลวง และหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ เพื่อวางแผนบริหารจัดการน้ำและพื้นที่ร่วมกัน เช่น โครงการนาแปลงใหญ่ ซึ่งจะบรรเทาความเสียหายได้มาก
“ลุ่มน้ำเจ้าพระยาหรือภาคกลาง หวั่นวิตกเรื่องน้ำต้นทุนที่ส่งมาจากจากเขื่อนทางภาคเหนือ และจากเขื่อนเจ้าพระยา เพราะน้ำในภาคกลางถูกใช้ไปในหลายด้าน แต่ละด้านมีความสำคัญ ได้แก่ น้ำเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะการทำนาปรัง , น้ำเพื่อการบริโภค คือ ทำน้ำประปา , น้ำเพื่อประกอบกิจการขนส่งทางน้ำ , น้ำเพื่อส่งเข้าเขตนิคมอุตสาหกรรม และ น้ำจืดเพื่อไปดันไล่น้ำทะเลที่ปากอ่าว หากน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอ หรือบริหารจัดการไม่ดี อาจเกิดปัญหาใหญ่ได้เช่นกัน” นายชาญยุทธ์ กล่าว
