เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลางจังหวัด ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นางสาววาหงี ลังลีงู (น้า) อายุ 62 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล เดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูล จากคดีเก่าที่ได้ไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าแพ ขอให้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรณีซื้อรถกะบะในราคา 80,000 บาท กับนางนุช (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) และได้ชำระเงินให้กับนางนุชไปแล้ว 60,000 บาท และส่วนที่เหลือจะจ่ายภายในเวลา 2 เดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2560 มีนายโม่ง (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) มาเอารถคืน เนื่องจากจ่ายเงินไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด แต่ น.ส.วาหงีอ้างว่าได้นำเงินไปจ่ายก่อนถึงกำหนด 2 เดือน แต่ทางคนขายส่งคนมายึดรถกลับไปก่อนจึงมั่นใจว่าโดนหลานโกงแน่นอน เนื่องจากให้หลานชายเป็นคนทำเอกสารรถทั้งหมด
ทั้งนี้ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าแพได้เชิญนายบีเด็น บูเทศ (หลานชาย) อายุ 45 ปี และเพื่อนหลานที่ น.ส.วาหงีอ้างว่าอยู่ในกระบวนการฉ้อโกงในคดีมาไกล่เกลี่ยแล้ว 3 ครั้ง แต่ทางคู่กรณีไม่มา จึงต้องพึ่งศาลให้ช่วยตัดสินคดี
น.ส.วาหงีกล่าวว่า หลานได้พูดล่อลวงให้เชื่อใจ ให้ตนเป็นคนออกเงินทุนในการซื้อรถยนต์มือ 2 ในราคา 80,000 บาท เพื่อนำมาทำกิจการส่วนตัว และจะมีส่วนแบ่งให้เป็นรายวัน วันละ 200 บาท ซึ่งตนเองก็เห็นชอบด้วย เนื่องจากอายุมากแล้วจะไปประกอบอาชีพอื่นคงลำบาก จึงได้ตกลงซื้อรถโดยที่ตนเองก็ไม่ได้มีเงินมากมาย ได้นำที่ดินของสามีไปจำนองไว้กับนายหน้าเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท มาซื้อรถเพื่อร่วมทำกิจการกับหลาน รู้ตัวอีกทีก็มาโดนหลานหลอกแล้ว โดยที่หลักฐานการซื้อขายรถทางหลานได้เป็นคนจัดการทั้งหมด
“ตอนนี้ไม่มีเงินสักบาท หมดเนื้อหมดตัว ที่ดินที่นำไปจำนองไว้ก็ถูกยึดเพราะไม่มีเงินผ่อน อีกทั้งสามียังพิการและป่วยเป็นโรคไต ต้องมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสตูลเป็นประจำ จึงอยากให้ทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสตูลช่วยเหลือเรื่องทนาย มาช่วยเดินเรื่องตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากตนเองไม่มีเงินที่จะไปว่าจ้างทนาย อยากให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยเหลือ”
นายญาณวรุฒ แสงประดับ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสตูลและศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องไว้แล้ว จะมีการตรวจสอบเอกสารและพิจารณาข้อเท็จจริงตามกฎหมาย หากถูกต้องก็จะดำเนินการช่วยเหลืออย่างแน่นอน
