เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 13 มีนาคม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เดินทางไปยัง สภ.บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อแถลงข่าวปิดคดีฆ่าฝังดินในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมนำตัวผู้ต้องหาจำลองทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณลานหน้าโรงพัก และพาสื่อมวลชนดูจุดที่กลุ่มผู้ต้องหานำร่างและจักรยานยนต์ของผู้ตายไปทิ้ง โดยการจำลองทำแผนได้ควบคุมตัว น.ส.ปลา มาชี้จุดและบรรยาย ตั้งแต่ที่นายโอแชตหลอกให้นายตั้ม ผู้ตายเข้ามาหาที่บ้านในซอยวัดมงคลนิมิต เมื่อไปไปถึงนายตั้มกำลังเดินเข้าไปหา น.ส.ปลา นายโอที่แอบซุ่มอยู่ก็ออกมากระชากแขนนายตั้มเข้าไปในห้อง พร้อมกับใช้ปืนจ่อที่ศีรษะ จากนั้นได้เตะจนนายตั้มฟุบลง ก็ยังไม่หยุด ใช้เท้าเตะและใช้ปืนจ่อหัวสลับกันไปเรื่อยๆ จนนายตั้มหมดสติ จึงได้โทรศัพท์ตาม นายวิศรุต หรืออู หีบเงิน และนายกิติพงษ์ หรือเป้ จงเจิญพิศาล ให้มาช่วยห่อศพ และนำใส่รถกระบะไปโยนทิ้งในซอยวัดบัวโรย
จากนั้นได้พานายทินกร หรือเก่ง สุขเจริญ ไปทำแผนประกอบคำรับวารภาพยังจุดทิ้งศพ ซึ่งในเหตุการณ์จริงมีนายจักรกฤณ์ หรือบาส น้อยสวัสดิ์ ร่วมก่อเหตุด้วย แต่ปัจจุบันต้องโทษอยู่ในเรือนจำคดียาเสพติดตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งจุดนี้มีทางญาติผู้ตายพยายามเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ก็ควบคุมสถานการณ์ได้
พล.ต.ท.อาพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจ ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุซึ่งก็คือ นายสมศักดิ์ หรือโอ เล็ดรอด มีประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติด และประกาศไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจุบกุมอย่างแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่ต้องวิสามัญกลางสี่แยกไฟแดง ตู้ยามประชาร่วมใจ มุ่งหน้าเข้าอำเภอเมืองยโสธร ขณะที่นายโอจี้เอารถกระบะของชาวบ้านที่กำลังติดไฟแดง เพื่อใช้หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ล่าติดตาม ซึ่งก่อนหน้านี้นายโอได้ใช้ปืนจี้รถจักรยานยนต์ และรถยนต์ของชาวบ้านตลอดทางที่ใช้หลบหนีมาแล้วรวม 4 คัน กระทั่งจนมุมตำรวจที่สี่แยกดังกล่าว
สาเหตุที่ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ฯต้องรีบตัดสินใจวิสามัญก็เพราะ นายโอประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมถูกจับ มีการยิงเปิดทางใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะตลอดทางที่หลบหนีรวมประมาณ 30 นัด และสุดท้ายรถกระบะคันที่นายโอจี้ชิงมาคันสุดท้ายนั้น มีเจ้าของรถอยู่ในรถด้วย ซึ่งหากปล่อยไว้อาจบานปลาย และเป็นอันตรายต่อชาวบ้านที่บริสุทธิ์
